วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

เห็ด Mushroom Renger p.110..

เห็ดไม่ใช่พืช เพราะไม่มีคลอโรฟิลล์ และคลอโรสพาสต์ในการสังเคราะห์แสง จึงจัดแยกหมวดออกมาเป็นประเภท "เห็ดรา" มีงานวิจัยรองรับว่าเห็ดสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้สมดุล ต้านแบคทีเรีย ต้านไวรัส ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อรา ไปจนถึงต้านมะเร็ง Nice to Know ฉบับเจปีนี้จึงอยากพาคุณไปรู้จักกับหน้าตาและประโยชน์ของหเล่าเห็ดฮีโร่ทั้งหลายกัน ** / "เห็ดพอร์โทเบลโล" ดอกสีน้ำตาลขนาดใหญ่ มักปรุงเป็นอาหารฝรั่ง เนื้อสัมผัสนิ่ม กรอบเล็กน้อย เช่น เคล้าน้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย แล้วนำไปอบกินเป็นอาหารเช้าแบบอังกฤษ ช่วยลดควาดันโลหิต ใช้ในการคลายความตื่นตระหนก / * "เห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง" ดอกกลมสีขาว เนื้อสัมผัสกรอบ ทำอาหารได้หลายหลาก เช่น ซุป โส่ในซอส นำไปผัด อบหรือย่างก็อร่อย มีฤทธิ์ยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมนเอนโตรเจน เป็นฮอร์โมนเอสโทรเจนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ทำให้เสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านมน้อยลง / * "เห็ดฟาง" นิยมรับประทานดอกตูม รูปทรงรี สีขาวเจือเทา เนื้อกรอบนิ่ม มีกลิ่นหอมคล้ายเนื้อ ทำอาหารได้หลากหลาย นิยมนำไปผัด แกงหรือลวกใส่ในยำ สารโววาท๊อกซิน ช่วยป้องกันการเติบเติบโตของไวรัสไข้หวัดใหญ่ ช่วยลดปัญหาโรคหลอดเลือดและหัวใจ ลดความดันโลหิต บำรุงตับ แก้ช้ำใน และบำรุงกำลังได้ดี / * "เห็ดนางฟ้า" ดอกเห็ดบาง บานคล้ายพัดขนาดกลาง สีน้ำตาลเจือเทา ก้านสีขาวมีความเหนียว เมื่อปรุงสุกจะนิ่มแต่หนึนบ นิยมใส่ในแกงกะทิ น้ำไปย่าง ฉีกแล้วตากแห้ง นำไปทอดกรอบก่อน เคล้าเครื่องปรุงรสเป็นเห็ดสวรรค์ ช่วยกระตุ้นระบบกภูมิคุ้มกัน ลดน้ำตาลในเลือด ปรับสภาพความดันโลหิต ลดการอับเสบ ยับยั้งการเจิญเติบโตของเนื้อร้าย ป้องกันมะเร็ง / * "เห็ดเป๋าฮื้อ" จัดอยู่ในประเภทเดียวกับเห็ดนางฟ้า จึงมีสรรพคุณเชิงสุขภาพเช่นเดียวกัน แต่มีเนื้อที่หนากว่า เมื่อนำไปปรุงอาหารจึงได้สัมผัสของเนื้อมากกว่า / * "เห็ดเข็มทอง" ก้านเห็ดทรงยางวสีขาวมีดอกเห็ดขนาเล็กทรงกลมติดอยู่ มักเกาะกลุ่มติดกัน ปรุงอาหารได้ทุกขนิด มีสรรพรณรักษาโรคตับ กระเพาะ และลำไส้อักเสบเรื้อรัง มีสารแฟลมมูลิน ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งเยื่อบุช่องท้อง และยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย / * "เห็ดหอม" ดอกเห็นทรงกลมขนาดกลาง หนา มีสีน้ำตาล อาจมีรอยแตกด้านบนดอกเห็ดบ้าง ทั้งเนื้อและก้านเห็ดมีความเหนียว นิยมไปนำไปปรุงเป็นอาหารจีนประเภทผัด นึ่ง ตุ๋น หรือตากแห้งเก็บไว้ใช้ได้นาน ๆ ก้านเห็ดมีเส้นใยเหนียวเมื่อนำมาทุบแล้วปรุงรสจะมีผัสผัสคล้ายเนื้อ มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย ลดอาการอ่อนเพลีย มีสารเลนติแนน ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิค้มกันให้มีประสิทภาพในการต่อต้านเนื้องอกและมะเร็ง / * "เห็ดไมตาเกะ" ได้รับการขนานนามมาเป็น "ราชาแห่งห็ด" ดอกเห็ดลักษณะคล้ายพัด เกาะกลุ่มเป็นช่อ ดอกเห็นเปราะบางแต่มีควมกรอบในตัว นำมาปรุงอาหารได้ทุกชนิด แต่ชาวญี่ปุ่นยินยมนนำมาจี่ในกระทะกับโชยุ ช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายได้ดี ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและโรคมะเร็ง รวมทั้งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย / * "เห็ดชิเมจิขาวและดำ" ก้านเห็ดยาวอวบคล้ายนิ้วเด็กมีดอกเห็ดกลม ๆ ติดอยู่ด้านบน ดอกเห็ด เกิดกระจุกเป็นช่อรวมกัน เมื่อปรุงสุกก้านเห็ดยังคงสังผัสกรอบ นำไปปรุงอาหารได้ทุกชนิด เป็นเห็ดที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ทั้ง 2 ชนิดมีสารช่วยยับยั้งมะเร็งได้ดี / * "เห็ดเออรินจิ" จัดเป็นกลุ่มเดียวกันกับเห็ดนางฟ้าและเห็ดนางรม จึงมีชื่อไทยว่า "เห็ดนางรมหลวง" ก้านดอกเห็นมีความอวบ เนื้อแน่นหนึลคล้ายเนื้อปลาหมึก นำไปปรุงอาหารได้หลากหลายชนิด มีโปรตีนสูง คฃอเลสเตอรอลต่ำ มีรานยงานพบว่าสารสกัดตจากเห็ดนี้ช่วยลดอาการภูมิแพ้ในหนูทดลองได้ / * "เห็ดแครง" ดอกเห็ดคล้ายพัดขาดเล็กกระจุกรวมกัน มีสีน้ำตาลอ่อน มีสารเบต้ากลูแคนคือ ซิโซฟิลแลน ช่วยต้านเนื้องอก มะเร็ง ไวรัส และช่วยชะลอวัยได้ดี ปรุงอาหารได้หลายชนิด นิยมนำไปหมก แกง ผัด / * "เห็ดตับเต่า" มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส ไนอะซีน และวิตามินซีสูง แพทย์แผนโบราณใช้เป็นอาหารบำรุงร่างกาย แก้ช้ำใน ก่อนใช้เห็ดดังกล่าว ควรนำไปแช่ในน้ำปูนแดงเข้มข้น 20 นาทีจนน้ำเป็นสีดำ เพื่อขจัดพิษที่ผิวด้านนอกเห็ดออกไป ล้างให้สะอาด แล้วต้มน้ำทิ้ง 2 หน จึงนำมาใช้ได้ เนื้อสัมผัสเมื่อต้มแล้วจะมีความนิ่ม ไม่กรอบเท่าเห็ดเออรินจิ ส่วนใหญ่นิยมนำไป / * "เห็ดหูหนูดำ" ดอกเห็ดแบน มีสีดำเจือน้ำตาลและชมพูเรื่อ ๆ มีความกรอบและเนื้อกลางดอกเห็ดมีลักษณะคล้ายวุ้น เมื่อนำไปตุ๋นหรือต้มเป็นเวลานานเห็ดชนิดนี้จะนิ่มคล้ายเจลลี่ เห็ดดังกล่าวมีคาร์โบไฮเดรตที่สามารถเสริมความแข็งแรงของเม็ดเลือกขาวในผู้สูงอายุ ทำให้ภูมิต้านทานดีขึ้น ช่วยรักษาโรคในกระเพาะอาหาร ริดสีดวง บำรุงสมอง หัวใจ ปอดและตับ ทำให้ไตแข็งแรง ... ๑ แล้วเห็ดหูหนูขาวล่ะคะ?...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น