วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

"เกณฑ์ทหาร" ยัดเงิน..(สมัยก่อน) ได้ยินแม่พูดเรื่องนี้..สุดท้าย พี่ป๊อป สุชาติ สุพรรณโกมุท ไม่ได้เป็นทหาร ไม่รู้เป็นเพราะยัดเงิน หรือจับได้ใบดำเอง..(น่าจะอย่างแรกมากกว่า)

"เกณฑ์ทหาร" ยัดเงิน..(สมัยก่อน) ได้ยินแม่พูดเรื่องนี้ (ด้วยสีหน้า และน้ำเสียงที่เคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย..ก็เป็นเรื่อที่ต้องเสียเงินให้ลูกชายสุดที่รักนี่คะ) ..สุดท้าย พี่ป๊อป สุชาติ สุพรรณโกมุท ไม่ได้เป็นทหาร ไม่รู้เป็นเพราะยัดเงิน หรือจับได้ใบดำเอง..(น่าจะอย่างแรกมากกว่า)/ อย่าซีเรียส..มันเป็นเรื่องที่นังปู สุวรรณา สุพรรณโกมุท ได้ยินได้เห็นมาจริง ๆ ไม่ได้ตอแหล แต่งเรื่อง หรือใส่สีตีไข่.. (เพราะขายเป็นเศษเหล็กไปหมดแล้ว 555) / คือสรุป คุณป๊อป สุชาติ สุพรรณโกมุท ไม่ต้องเป็นทหาร ..เลยเสียโอกาสในการที่จะได้ไปเรียนรู้ ฝึกฝน ความเป็นสุภาพบุรุษ.. ความเป็นชายชาติทหาร (เป็นได้แค่ชาติ....../ เลยได้เป็นประสบการณ์ น้องป้อม สุเทพ สุพรรณโกมุท ..ก็เลยต้องประหยัดเงินของทางบ้านด้วยการ เรียน ร.ด... / หลานชาย 2 คนของบ้านนี้ ก็เลยต้องเรียน ร.ด. ไปโดยปริยาย.. เพราะสมัยนี้ คงไม่มีแล้ว..เรื่องการยัดเงิน เพื่อที่จะไม่ต้องจับใบดำใบแดง หรือทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ต้องเป็นทหารรับใชชาติไทย..555 //// http://glubdemons.exteen.com/20090409/entry / วันนี้ผมจะมาตีแผ่เรื่องทั้งหมดของการจับใบดำใบแดงครับ ท่านใดที่ต้องประสบเหตุการณ์นี้ในอนาคต ควรอ่านอย่างยิ่ง เมื่อวันที่ 7 เมษา เนี้ยผมนอนตอนตี4 10นาทีครับ ก่อนหน้านั้นก็เล่นเน็ท และไปทราบมาว่าผมมีโอกาสได้ไปงานโซนี่ทันเวลา เพราะว่าเวลาพรีเซ็นท์นั้นมันอยู่เย็นๆดึกๆนู่นแหนะ เหอๆ แล้วก็ได้ไปสมใจอยาก รายละเอียดอ่านได้ที่นี่เลยครับ http://glubdemons.exteen.com/20090418/entry วันนี้ตอนเช้า วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552 เพื่อนผมโทรมาปลุกตอนตี5 50 เลยตื่นก่อนนาฬิกาปลุก 10 นาที ตื่นมาแล้วมึนหัวครับ เพราะนอนน้อยมากๆในระยะนี้ ผมเลยรีบทำธุระจัดข้าวของอาบน้ำจนกว่าจะได้ออกจากบ้านก็นู่น 7 โมงกว่า รีบไปจนถึงที่โรงเรียนวัดกระทุ่มเสือปลา ก็เกือบๆ 8 โมงได้ เขาประกาศรายชื่อเรียกคนในแขวงผมไปก่อนแล้ว ก็เลยต้องรอเรียกรอบสองครับ ไปเจอเพื่อนอีกคนนึงไอ้วิน ซึ่งเขาก็เรียนรามเหมือนผม เลยมีชะตากรรมเดียวกันคือต้องจับ เราเรียนม.ปลายมาด้วยกันครับไม่ได้เรียนร.ด.เหมือนกันอีก เหอะๆ แต่เขาอยู่คนละแขวงกับผม เขาเลยได้เข้าไปตรวจร่างกายก่อน รู้สึกว่าจะตรวจเสร็จเร็วกว่าผมด้วย แล้วก็เจออีกคนนึง ไอ้ปาร์ค (คนที่หน้าด้านที่สุดในห้อง 6/6) ไอ้นี่มันเรียนต่อหัวเฉียวครับ เลยขอผ่อนผันได้ง่ายๆ ไม่ยากเย็น หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากมายครับ เราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ แรกๆออกจะเครียดซะมากกว่า สำหรับวิน ส่วนไอ้ปาร์คหรอ หึหึ ทำตัวหน้าหมั่นใส้มากๆ ผมเลยตกลงกับวินว่า "อีกสองปีนะมึง จะไปเรียกพวกมาช่วยกันเชียร์ให้ได้ใบแดง 555+" อะ มาว่ากันเรื่องระเบียบการกันหน่อย สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนร.ด. และคิดว่าได้จับแน่ๆ อย่างแรกเลยคือ งานเริ่มกี่โมง ควรไปก่อนเวลา หรือถ้าสายไปแล้ว ให้ไปประมาณ 10 โมง เพราะว่าเขาจะขานชื่อ 2 รอบคือเขาจะเรียกตามแขวงไปเรื่อยๆทีละแขวงทีละเบอร์ ถ้าเขาข้ามไปแล้วจะไปขอเข้าทีหลังไม่ได้นะ ต้องรอเขาเรียกอีกในรอบต่อไปนู่นเลย ซึ่งถ้ามาเร็ว ก็จะได้ตรวจร่างกายเสร็จก่อน และออกมานั่งรอก่อน แต่ก็ดีกว่ามาสายนะ เพราะมันจะเสียเวลาทำให้ช้า ผมเองก็มาสายเลยต้องรอจน 11 โมงได้ถึงจะได้เรียกตัว ตอนเรียกตัวเขาจะให้ถอดรองเท้า ถอดเสื้อ ถกขากางเกงขึ้น (ใส่กางเกงขาสั้นไปก็ได้) ซึ่งไม่จำเป็นต้องฝากเสื้อไว้กับญาติก็ได้ ถ้าเอาติดตัวเข้าไป เขาจะให้เหน็บไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง แล้วหลังจากวัดส่วนสูงรอบอกแล้ว ก็เอามาใส่ได้เลย เพราะมันใกล้เสร็จแล้วนั่นเอง เอกสารคือ บัตรประชาชน และใบส.ด.9 กับส.ด.35 ไม่ต้องถ่ายเอกสารมานะครับ ไม่ได้ใช้เลย อย่างแรกหลังจากที่เขาเรียกชื่อคือต้องรีบไปรายงานตัวยื่นเอกสาร แล้วเขาจะให้ปัมป์นิ้วมือข้างขวา ซึ่งตอนนั้นสติผมไม่อยู่กับตัวแล้วครับ ปัมป์มือซ้ายเฉยเลย แบบว่างงมากว่าตัวเองเป็นอะไรไป เหอะๆ รับเอกสารเสร็จแล้วก็ไปนั่งรอต่อคิว เพื่อจะตรวจร่างกายจริงๆแล้ว ในด่านนี้จะมีที่สำหรับคนป่วยด้วย ซึ่งต้องมีใบรับรองแพทย์มา ก็ให้ไปยื่นกับหมอ คือเขาจะเรียกชื่อมาก่อน แล้วเรียกว่าให้คนที่มีใบรับรองแพทย์เนี้ย ไปหาหมอทางอีกด้านนึง ก็คือแยกกลุ่มตรงนี้ไป สำหรับคนที่ไม่มีก็ตรวจไปตามปกติ เขาจะให้ยืนตรงส้นเท้าชิด แล้วยื่นแขนออกไปข้างหน้าตรงๆ แบมือไว้ แล้วพลิกมือ ส่วนเหตุผลคือ เพื่อที่จะดูว่าแขนเหยียดได้ตรงไหม ตรงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งแขนผมตรงเป๊ะเลย -*- แล้วก็โก้งโค้งครับ เอามือแตะปลายเท้า เวลาคนอ้วนๆหรือกระดูกไม่ดีก็จะทำไม่ได้นั่นเอง พอเสร็จด่านนี้ก็ไปต่ออีกด่าน จะเป็นการวัดส่วนสูง กับขนาดรอบอก ผมวัดได้ส่วนสูง 174 กับรอบอก 81/84 ผมได้ยินตอนแรกแล้วแทบบ้า เพราะผมไม่มีหน้าอกเลย มีแต่กระดูกด้วยซ้ำ เรียกว่า อกเล็กเรื่องใหญ่ซะแล้ว เพราะเพื่อนผมก็พูดๆอยู่ว่าน่าจะผ่าน เพราะผอมเกิน แล้วแถมส่วนสูงลดลงเฉยเลย แต่ก่อน 176 แต่ดันเตี้ยกว่าเพื่อนที่ตัวสูงๆ ตอนนี้วัดได้ 174 แต่สูงเกินเพื่อนไปหมดแล้ว (มึงวัดกูผิดป่ะเนี้ย -*-) ตรงนี้รู้สึกว่า ถ้าเตี้ยกว่า160 จะอยู่ในประเภทที่ 2 คือความสูงตั้งแต่ 149-159 และรอบอกต่ำกว่า 72 ก็จะอยู่ในประเภทไม่ได้ขนาด รอการพิจารณา อะไรแบบนั้น ตรงด่านนี้มีพวกผมเจอแจ๊คพอทครับ ก็อีคนวัดรอบอกแม่งสั่งลุกนั่งเฉยเลย ไม่มีเหตุผลอะไรเลย แบบว่า ขอแสดงความเทพนิดนึง อะไรแบบนั้นหรือเปล่า และหลังจากนี้ก็เกือบเสร็จการตรวจร่างกายแล้วครับ สามารถใส่เสื้อได้เลย เพราะเดี๋ยวแค่ปัมป์นิ้วมือเข้ากับเอกสาร ส.ด. 43 ก็เป็นอันเสร็จพิธีไปหนึ่งอย่าง สำหรับพวกต้องจับ ก็นั่งรอพวกที่สามารถผ่อนผันได้กันไป เวลาที่พวกผ่อนผันต้องเข้าไปเนี้ย จะอยู่ประมาณเที่ยงๆบ่ายๆนู่นแหละ แต่ว่าต้องมารายงานตัวเซ็นชื่อก่อนในตอนเช้าก็คือมาตามเขานัดอะแหละดีแล้ว ก็มีเอกสารเหมือนกันหมด มีที่เพิ่มเติมมาคือที่ไปขอของมหาลัยฯมาเท่านั้นเอง ตอนนี้ได้เจอตัว มาริโอ้ เมาเร่อ ตัวเป็นๆครับ รู้สึกจะสูงใกล้เคียงผมเนี้ยแหละ แต่หล่อมาก ขาวมาก เหมือนในหนังเปี๊ยบ~บบบบบบบบ ใส่เสื้อยืดสีชมพู ตรงนี้เพื่อนผมบอกว่า "ดูหน้าจืดกว่าในทีวีนิดนึง อาจเพราะไม่ได้แต่งหน้าล่ะมั้ง" แต่ต้องยอมรับเลยครับว่าแม่งหล่อจริงๆ มีคนถ่ายรูปเพียบเลย สัสดีเลยต้องรอให้พวกสาวๆถ่ายรูปกันไปก่อน แล้วค่อยเรียกทีหลัง ตอนนั้นรู้สึกว่าคนทั้งโรงเรียนจะแห่กันไปมุงมาริโอ้หมดเลย ตั้งแต่ที่เขาประกาศเรียกชื่อผ่านลำโพงว่า "มาริโอ้ เมาเร่อ !" ผมเลยพูดกับเพื่อนว่า "เออ ไปดูกันหน่อยไหม น่าสนใจ" แต่จมูกแม่งโด่งเวอร์ๆอะ จมูกหรืออะไรเนี้ย โด่งกว่าในหนังเยอะเลย เหอะๆ หลังจากนั้นก็รอครับ รอให้พวกที่ผ่อนผัน ผ่อนผันกันหมด แล้วก็ไปเซ็นชื่อ กลับบ้านได้ แล้วเขาจะเรียกพวกที่ไม่มาอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งตอนนี้คงไม่ดีแน่ๆถ้ามาสายขนาดนี้ ระหว่างรออย่างสุดท้ายก็คุยๆกันไปครับ พวกผู้ใหญ่ก็พูดนู่นพูดนี่ให้ฟัง ฯลฯ แต่ผมรู้แค่ว่าวันนั้นผมเครียดมากๆ และร้อนมากๆ กินอะไรไม่ค่อยลงเท่าไหร่ อย่างเรื่องที่ว่าถ้าต้องเป็นเนี้ย เวลาไปฝึกคงฝึกไม่ไกล แค่ในกรุงเทพฯอย่างใน มทบ11 ราบ11 ไรเงี้ย ถ้าไปฝึกที่ราบ11เนี้ย แบบว่าไปฝึกเสร็จ ก็แอบไปเล่นบีบีกัน ไรเงี้ย 55+ แต่อาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่ถ้าต้องไปฝึกที่อื่นเนี้ย จะได้ไปไกลๆเลย เพราะมันจะได้กลับบ้านยากๆ -*- แล้วก็ว่า ถ้าไปฝึกแล้วไม่เอาเงินเดือนเนี้ย จะได้ออกเร็วกว่าปกติ อาจจะแค่ 7 เดือนก็ได้ปลด ส่วนระยะเวลา ก็แล้วแต่หน่วยด้วย ส่วนรายละเอียดผมไม่รู้นะ ก็ฟังๆไว้ก่อน ส่วนถ้าจะยัดเงินก็อยู่ที่ สองหมื่น สามหมื่น ซึ่งเขตผมแม่งเรียกสามหมื่นแหนะ (เขาบอกยังถูกไป) ถ้าจะยัดจริงๆต้องรีบๆทำแต่เนิ่นๆเข้าไว้ อย่างเพื่อนผมที่ไปจับด้วยกัน เขาก็เลือกที่จะยัดช้าไปหน่อย เลยอดไป ต้องไปจับใบดำใบแดง แต่เพื่อนผมอีกคนนึง ไอ้หนุ่ยเรียนเอแบค อยู่เขตพระโขนง ไปรายงานตัวแล้ววันที่ 2 เมษา ซึ่งมันยัดไป สองหมื่น แล้วในใบเขาจะเขียนเอาไว้ว่า เหยียดแขนได้ไม่ตรง แขนเบี้ยว อะไรประมาณนั้น พอฟังแล้วแบบว่า "มึงก็เล่นบอลทุกวัน สุขภาพก็แข็งแรง แม่งเขียนให้มึงได้ไงวะว่าแขนเบี้ยว หน้าฟาดหน้าจริงๆ" รู้สึกว่าคนรวยก็เป็นเงี้ยแหละ มีตังค์ก็ยัดๆไป จะได้หมดๆเรื่อง -*- ถ้าเกิดจับได้ใบแดง สำหรับเรื่องการลดหย่อนเนี้ย วุธม.6 ไม่สามารถลดหย่อนได้นะครับ เป็นสองปีตามปกติ และถ้าใช้วุธปริญญาลดหย่อน ก็จะได้ปีเดียว แล้วถ้าเข้าสมัคร วุธม.6 จะสามารถลดหย่อนได้ เป็นแค่ปีเดียว ส่วนวุธปริญญาสมัครเนี้ย แค่ครึ่งปี ก็ปลดแล้ว พวกวุธ ปวส. ก็เท่ากับปริญญานะครับ ใช้ได้เช่นกัน แต่ว่าต้องได้รับการรับรองว่าจบแล้วจริงๆเท่านั้นถึงจะใช้ได้ ถ้าระบุไว้ว่ารอการพิจารณา อะไรเทือกๆนี้ จะใช้ไม่ได้นะครับ เขาถือว่ายังไม่จบ แล้วก็มาถึงเวลาที่ทุกๆท่านรอคอยครับ การจับใบดำใบแดงนั่นเอง ก่อนอื่นเลยในแต่ละเขตจะมีหลายแขวง อย่างเขตประเวศจะมีสามแขวง แขวงประเวศ แขวงหนองบอน แขวงดอกไม้ (ที่จริงแล้วผมอยู่แขวงหนองบอน แต่ในใบเขียนไว้ว่าประเวศ เลยต้องไปตามนั้น -*-) แล้วเขาจะให้ตัวแทนมาจับสลาก ว่าแขวงไหนจะได้จับเป็นแขวงแรก ตรงนี้เขาเชิญพระที่ต้องมาเกณฑ์ทหารเป็นคนจับ เหอะๆ ผลออกมาคือ แขวงแรกเป็นหนองบอน ประเวศ และดอกไม้ ทีนี้เขาจะเรียกให้คนในแขวงนั้นๆเข้าไปก่อน ไปนั่งรวมๆกันไว้ก่อน แล้วเขาจะเรียกเป็นรายคนอีกที ให้มานั่งเรียงกันตามหมายเลข ของผมหมายเลข 91 ก็ค่อนข้างจะอยู่แรกๆเหมือนกัน แต่เพราะเป็นแขวงที่ 2 ที่โดนเรียก เลยอยู่ประมาณกลางๆ ส่วนไอ้วินเพื่อนผมอยู่แถวแรกเลยครับแขวงหนองบอน พอหลังจากเรียกทุกคนเข้าไปนั่งจนครบเนี้ย ก็จะมีประธานเข้ามาพูดเปิดพิธี อธิบายวิธีนู่นนี่นั่น ทำลายหลักฐาน แล้วก็นำเอาถังเขียวๆออกมาครับ เขาจะใส่สลากที่เป็นใบแดงลงไปทีละใบ มี ทบ. ทร. ทอ. เขตผมทหารบกจะมีเยอะสุด รองมาก็ทหารเรือ แล้วทหารอากาศจะรับแค่สองคนเท่านั้น รวมแล้ว 81 ใบที่เป็นใบแดง และใบดำทั้งหมด 190 ใบ ใบแดงเขาจะค่อยๆใส่ไปทีละใบๆ ค่อยๆนับจำนวนไปเรื่อยๆครับ ส่วนใบดำ จะใส่ไปทีเดียวหมดเลย พอนับเสร็จแล้วก็เข้าสู่พิธี แล้วเขาก็จะเรียกผู้โชคดีรายแรกไปจับครับ ซึ่งคนนั้นเขาได้ใบแดงฉลองงาน แบบว่ากลายเป็นที่เฮอาปาจิงโกะของเหล่าบรรดาญาติพี่น้องได้ดีนัก มีคนเชียรให้ได้ใบแดงเยอะครับ สำหรับพวกคนที่มีญาติๆ เพื่อนๆมาด้วยกัน เหอะๆ ตรงนี้ทำให้ผมหายเครียดไปได้พอสมควรทีเดียว แต่ก็ยังไม่เลิกสั่นกลัวเท่าไร เหอๆ แล้วก็ถึงตาเพื่อนผมครับ ไอ้วิน พอถึงเวลาจับเนี้ย ผมก็เชียร์อยู่เหมือนกันว่าอยากให้มันได้ดำเท่านั้น เพราะเห็นว่ามันเครียดมากๆ มันก็บอกเหมือนกันว่าแฟนมันก็ร้องไห้ แล้วยังเรียนอยู่อีก งานการก็มีทำ แล้วสุดท้าย มันก็จับได้ใบดำ โคตรดีใจด้วยแทนเลย ดูมันรู้สึกดีมากๆหลังจากที่มันได้ใบดำ ต่อจากนั้นก็เป็นไฮไลท์ของงานครับ สัสดีประกาศ "ขออัญเชิญพระ ..........." โอ้ ทีนี้ตาพระจับใบดำใบแดง เสียงคนทั้งโรงเรียนเรียนเฮ ช่วยกันเชียร์ "ใบแดง ใบแดง" แล้วพระนั่นก็แบบว่า เหมือนอายๆกลัวๆยังไงก็ไม่รู้ เอามือลวงไป ควักออกมาแล้ว เปิดประกาศ "ใบดำ" ทุกคนโห่หมดเลย แต่ที่ทำเอาผมอึ่งมากกว่านั้นคือ พระรูปนั้นหมดความเป็นพระไปชั่วขณะครับ เขาทำท่ากระโดดขึ้นดีใจ ชูนิ้วชี้ขึ้น เอียงตัวไปข้างหลัง ทำหน้าทำปากประมาณว่า "โคตรสะใจเลยโว้ย" เหมือนนักมวยปล้ำได้แชมป์ซัมเมอร์แสลมยังไงยังงั้น ผมคิดในใจประมาณว่า "นี่พระจริงๆหรอวะเนี้ย จะไหว้ดีไหมเนี้ย จีวงจีวรปลิวเห็นท่อนบนหมดแล้ว" เห็นดังนั้นก็เป็นที่ฮือฮากันอย่างมาก หมดความน่าเชื่อถือไปเลย ที่ผมเห็นเนี้ย มีพระสามรูปมั้ง ที่ต้องไปจับ แล้วก็จับกันไปเรื่อย ใบดำก็ทยอยๆออกกันไป สำหรับลักษณะของใบดำใบแดงนั้น จะไม่ใช่ Red Card Yellow Card เหมือนที่เขาแจกกันในบอลพรีเมียร์ลีก นะครับ ไม่ใช่เป็นใบๆแบบนั้น ใบดำใบแดงที่ผมเห็นมาจะเป็นกระดาษธรรมดาสีขาว ตัดเป็นสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่มากนัก ที่พริ้นท์ตัวหนังสือลงไป เช่นใบดำจะพิมพ์คำว่า "ดำ" เฉยๆ ฟ้อนน่าจะเป็น Microsoft Sans Serif ขนาด 22 ตัวหนา พิมพ์สีดำ ก็ไม่รู้นะครับว่าใช่หรือเปล่า แต่ก็น่าจะประมาณนี้แหละ ส่วนใบแดง จะพิมพ์เป็น ทบ. ... ทร. ... ทอ. ... ขนาดเดียวกัน พิมพ์สีแดง ไม่ใช่พิมพ์สีแดง แล้วเป็นคำว่า "แดง" เฉยๆนะครับ เหอะๆ แล้ว ... ด้านหลัง จะเขียนตัวเลขไทยไว้ด้วยปากกาน้ำเงินเช่น ๒ ๔ เป็นตัวบอกผลัด เช่นผลัดที่ 2 หรือผลัดที่ 4 อย่างผลัดที่ 2 เนี้ย ก็ไปเป็นประมาณเดือนพฤศจิกานู่นเลย เกือบๆปลายปี แล้วกระดาษนั่นจะม่วนๆเอาไว้แล้วห่อด้วยพลาสติกอีกทีนึงซึ่งจะตัดมาพอดีเป๊ะๆ ที่บอกเนี้ย บอกให้รู้เฉยๆนะ ไม่ใช่ไว้ทำปลอมแปลง แต่ยังไงก็ทำไม่ได้หรอกครับ เพราะจำนวนบัตรเขาจะนับมาพอดีกับจำนวนคน ถ้ามันเหลือ ก็แปลว่าซวยทั้งหมดเลย เหอะๆ แล้วอีกอย่างนึงตอนไปจับเนี้ย เขาจะให้แบบมือให้ดู จะมาเล่นกลอะไรตอนนั้นคงเป็นไปไม่ได้หรอก สำหรับคนที่จับได้ใบดำก็แค่เซ็นชื่ออีกครั้ง แล้วก็กลับบ้านได้เลย ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องไปหาสัสดีอีก และชีวิตนี้คุณก็ไม่ต้องเกี่ยวข้องอะไรกับทหารอีกเลย เวลากรอกใบสมัครงานก็ติ๊กที่ช่อง "จับได้ใบดำ" ไป สบายใจไปได้เลย สำหรับคนที่ได้ใบแดงก็จะเสียเวลาอีกนิด เซ็นชื่อ แล้วก็จะได้รับเอกสารหมายเรียกอีกทีนึงคือ ได้ใบ ส.ด. 40 หมายนัดเข้ารับราชการทหาร (เป็นหมายนัดแล้วนะครับ ไม่ใช่หมายเรียกแล้ว) แล้วก็ใบ ส.ด. 43 ใบรับรองผลการตรวจเลือก (คือใบตรวจร่างกายนั่นแหละ) ก็เอาไอ้เนี้ย กลับบ้านไปนอนกอดซะ รอเวลาที่เขาเรียกไปรายงานตัว พูดถึงกฎหมายกันหน่อย ถ้าไม่ได้ไปรายงานตัว ธรรมดาต้องไปแจ้งความนะครับ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยจริงๆ จะโดนมาตราที่ 45 โทษติดคุกไม่เกิน 3 ปี ถ้าจับได้ใบแดงแล้ว ไม่ไปรายงานตัว หนีทหาร ก็จะโดนมาตราที่ 46 ติดคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 4 ปี ถ้าทำร้ายตัวเอง หรือให้ใครช่วยทำร้ายให้บาดเจ็บ แขนขาด ตาบอด ไตวาย หัวใจหยุดเต้น อะไรก็ตามแต่ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปเป็น ก็จะโดนมาตราที่ 48 ติดคุก 1-8 ปีทีเดียว และสุดท้ายถ้าคุณกล้าหลอกเจ้าหน้าที่ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ แม่ยายตาย เมียป่วย ต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย อะไรก็ว่าไป ก็จะโดนมาตราที่ 49 ติดคุกไม่เกิน 3 ปี สำหรับผมแล้วคงต้องเริ่มใส่ใจตัวเองบ้างแล้วล่ะ เดี๋ยวไม่มีแรงทำอะไร จะตายซะก่อน เหอะๆ อาจจะเริ่มออกกำลังกาย เล่นกีฬา เพราะไม่เคยทำเลยสักอย่าง เล่นแต่คอม -*- และคงจะหางานทำไปก่อน เรียนอะไรไปตามปกติ แล้วก็เอาพวกปรัชญาอะไรหลายๆอย่าง ที่เคยพูดถึงเอามาใช้กับชีวิตตัวเองที่ว่า เมื่อใครได้ทำภารกิจอะไรก็ตาม จะต้องทำให้สุดความสามารถ และก็นำปรัชญานี้มาใช้กับการเป็นทหาร I believes that whatever job one does, one should do it to the best of one's abilities, and applies that philosophy to soldiering. จนกระทั่งถึงตาผมจับ ผมส่งบัตรประชาชนให้คนอ้วนๆผมหงอกๆคนนึง แบมือให้เขาดู แล้วเอามือล้วงเข้าไปในถังเขียวๆขนาดพอประมาณ เมื่อผมสัมผัสโดนถึงท่อนแข็งๆอะไรบางอย่าง อันนึง ผมเลยหยิบมันขึ้นมาเลย เพราะมันเป็นอันแรกที่โดนมือ ก็หยิบมาเลยโดยที่ไม่ได้คิดอะไร แล้วก็ยื่นให้คนประกาศ ธรรมดาแล้วคนอื่นๆจะหันหน้าหนีไปทางอื่นเลย แต่ผมยืนหน้าคนประกาศหัวเกรียนๆตัวเล็กๆใส่แว่น ผมคิดประมาณว่า "บอกมาดิ กูอยากรู้ กูจะได้อะไร กูอุส่าห์รอมาตั้งนาน กูจะรีบไปพาราก้อน" ตอนนั้นหัวใจผมเต้นแรง ตื่นเต้นมากๆ แบบว่ารอมาทั้งวัน แล้วสิ่งที่ผมอยากไปมากที่สุดคืองานโซนี่ ตอนนี้ผมไม่หวังอะไรแล้ว รีบๆทำเข้าสิจะได้สบายใจ และรีบจากตรงนี้ไป เขาค่อยๆเอาอะไรบางอย่างดันกระดาษออกมาจากห่อพลาสติก เขาค่อยๆคลี่กระดาษที่ม้วนไว้ออกมา แล้วเขาก็พูดตะโกนใส่ไมค์ดังๆว่า "ทบ.2" 555 " ทบ. ๒ !!!"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น