วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

27พค.54

ไม่รู้พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร ที่เอาที่ดินทั้งหมดไป เฮ้อ..ก็ยังงี้
คงไม่กล้ามาทวงเงินเราสิ หรือมั่นใจว่าเงินก้อนนี้ถ้าหมดแล้ว เราต้องไปขายโชห่วยเป็นทาสให้เขาใช้ไปจนตาย
ถ้าจะต้องตาย ก็ขอเลือก..คนเรา เลือกเกิดไม่ได้ ถ้ายังเลือกที่จะเป็น...ไม่ได้อีก ขอเป็นแบบช้างดีกว่า
เลือกที่จะตายอย่างโดดเดี่ยว เดียวดาย ไม่เป็นภาระใคร
..
ก๊อก 2 ถ้าโทร.มาทวงเงิน เราจะจ้วงให้กระอักเลย..ต้องได้ ไม่มีเสียอีกงานนี้
...
ธรรมะต้องชนะอธรรม...สัจธรรมแห่งโลกใบนี้

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

24 พค.54

เมื่อวาน Pom เดินขึ้นมาบอกว่า "พรุ่งนี้ 6โมงครึ่ง ไปทำเรื่องที่ ม๊าบอกแล้วใช่มั้ย"

เซ็นชื่อในสำเนาบัตรปชช.ที่สำนักงานที่ดินเขตมีนบุรี 1 ชุด สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด
                                          ที่ธ.ทหารไทย สาขาซอยร่วมสุข (??) 2  ชุด สำเนาทะเบียนบ้าน 2 ชุด
(จนท.ธ. "นั่งก่อนครับ เซ็นหลายชุด หลายขั้นตอน เนื่องจากไม่ถึง 50,000 ยังไม่ได้ตั้งผู้จัดการกองมรดก")
เซ็นชื่อในสำเนาบัตรปชช. 2 ขุด สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด ที่สำนงานที่ดินเขตหนองจอก (ที่เคยไปโอนที่ขายคอนโดฯกับป๊า)
รวมเอกสาร 5 ชุด แต่คุณนายวิภาไมเคยพูดว่าจะให้เซ็นเรื่องที่ดิน ในหนังสือ...ไม่ขอรับโอนมรดกมี  "1. น.ส.สุวรรณา สุพรรณโกมุท 2.นายสุเทพ สุพรรณโกมุท" เซ็นที่ สนง.ที่ดินหนองจอก 3 ชุด

เงินสดในบัญชีธนาคาร 7,500 กว่าบาท ยื่นให้เรา บัตรประชาชน ไม่ได้คืนให้เรา

สั่งกะเพราราดข้าว 2 กล่อง เรากินแล้ว เผื่อ IPop 2 คนเดินมาพอดี เลยเปลี่ยนเป็นใส่จาน มันคงไม่รู้ สั่งต้มจืดหน่อไม้สดราดข้าว 1 จาน จ่ายค่าข้าว 2 จานแรกด้วย ถาม "Iปูจะเอาน้ำอะไร" "ไม่..เดี๋ยวดูเอง"

นั่งรถกลับ สนง.ที่ดินมีนบุรี "เอ็งเอาที่ไปเปลี่ยนเป็นเงินก็ได้ ม๊าเค้าไม่ว่าหรอก..ปลูกห้องเช่าก็ได้เงิน"
"เป็นเงินก็ดี อาจซื้อบ้านอยู่แถว Office"

นั่งรถจาก สนง.ที่ดินมีนบุรี ถาม "แล้วเอ็งได้ที่แปลงไหน โอนหรือยัง ราคาเท่าไหร่" / "ได้ที่ดินว่าง ยังไม่ได้โอน ไม่ได้ถามราคา"

"วิ่งไปวิ่งมา พรุ่งนี้ก็ต้องวิ่งเรื่องที่อีก" เล่าให้ Pomฟัง "ป๊าบอก ค่าเช่าค่อย ๆ เก็บ อย่าไปว่าเขา อย่าไปทวง...แต่วันรุ่งขึ้นป๊าล็อคห้องเองเลย 555"

"โอนที่ต้องมีจ่ายใต้โต๊ะ หมดไปเยอะ ไม่งั้นไม่ค่อยได้เรื่อง ที่มาทำนี่ไม่ถึง 15 นาที ต้องเอาอย่างป๊า งุบงิบๆ"

"ขับรถจากมีนไปซื้อผัก ก็ 70-80 โล ค่าน้ำมันวันละ 300 ไม่คุ้ม"

"เดี๋ยวต้องกลับไปหนองจอก ไปเอาประกาศไปปิดหน้าบ้าน"

สรุปเงิน 7,500 ยังไม่คืนดีกว่า ดูสถานการณ์ก่อนว่าเขาจะเอายังไงกับเรา (ที่เขาบอกว่า "ท่านเตี่ยสั่งไว้ไม่ให้เอ็ง" เหลือเชื่อคำพูดของคนตายกับชีวิตความเป็นอยู่อนาคตของคนเป็น แต่ยัดเยียดขายโชห่วยของคุณนายวิภาให้แทน ให้ทำ จะได้รู้ว่าต้องเหนื่อย(ให้ตายคาที่)ถึงจะได้เงิน ลงทุนให้ แต่ก็ต้องคุม
ไม่ให้ขายให้ขาดทุน (ประสาทแดกตายก่อนน่ะสิเรา)

สรุป เงินสด 7,000 ค่าเขช่า 2,000 ทีวีเก่า(ดูไม่ได้) 1 เครื่อง เครื่องเล่นดีวีดีเก่า  1 เครื่อง

บอก IPom "อย่าใจร้อน ขับรถ อย่าบีบแตร คนสมัยนี้ใจร้อน เดี๋ยวจะมีการลงมาเรื่องกัน..อย่างรถทะเบียน พระนครศรีอยุธยา เขามาจากบ้านนอก ทางด่วน ลงตรงไหน รูไหนเค้าไม่รู้เท่าเราหรอก"

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

23 พค.54

เมื่อวานโน่บอกว่า "วันที่ 24 ให้ไปถอนเงินนั่งรถเจ็กป้อมไปตอน 6 โมงเช้า"
พรุ่งนี้ไปทำภาระกิจสุดท้าย บางทีไอ้ป๊อปอาจจะเอาเงินไปคืนคุณนายวิภาเอง แล้วคืนบัตรประชาชนให้เรา หรือ ให้เราเอาเงินไปคืนคุณนายวิภา แล้วไปเอาบัตรประชาชนที่คุณนายวิภา
ก็ดี ทำให้เสร็จๆไป เหลือสตางค์ไม่กี่ร้อย คงอยู่ไม่ถึงสิ้นเดือน
ก็เชือกก็เตรียมไว้แล้ว เตรียมตัว เตรียมใจให้เรียบร้อยแล้ว..
ครบ 100 วันป๊า ไม่สิคงต้องก่อน อาจมีการส่งศพเราไปสถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ
เดี๋ยวว่าง ๆ ไป print เบอร์แปะไว้หน้าบ้าน
เวลาใครในบ้านนี้กลับมาเจอศพเรา เขาจะได้ไม่ต้องลำบากมาก โทร.กริ๊งเดียว
อยู่ก็ให้พวกมันกลั่นแกล้งทรมาน ขนาดมันมีรถเก๋ง พวกมันยังแกล้งให้อาศัยสามล้อคนแถวบ้านสีลมไปตลาดคลองเตย เพื่อซื้อผักหญ้า ฝนตกถนนแฉะ พื้นรองเท้าก็ลื่น แต่พวกมันได้เงินจากการขายของ บอกเหนื่อย วันอาทิตย์ต้องหยุดพัก ตอนเด็กวันอาทิตย์ เราไม่เคยจะต้องหยุดพักเลย ก็ทำทุกวัน ชั่งถ่านเป็นท่อนยาว ๆ ผูกเชือก หรือหักใส่ถุงให้ยาย(ขาประจำ) ตักน้ำมันก๊าด หยิบตะปูทุกขนาด ขายโชห่วย ขายน้ำ เหล้า บุหรี่ หุงข้าวทำกับข้าว ล้างถาด ตักน้ำตาลทราย ตักข้าวสาร
เออ.ขั่งมันเหอะ เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว..ทุกอย่างก็จะจบ เบื่อที่จะต้องไปเป็นขอทาน
ขอเศษเงินพวกมัน ถ้าไม่ยอมเป็นทาสให้พวกมันใช้งาน ก็ต้องอตตาย
สมบัติของพ่อ มันบอก "เขาไม่ได้สั่งให้เอ็ง" แล้วเอ็งจะมาเอาได้ยังไง
"ไหนบอกว่าไม่เอาสมบัติไง" "อยากได้ก็ไปทวงเอากับไอ้นรกสิ เอาไป 3 แสนกว่าบาท"
แจ๋บอกว่า ลูกชายคนโตของป๊าเขามีเมียมีลูกด้วย มีเมียน้อยอีกด้วย
คนพวกนี้ใจดำ ไม่แบ่งให้เขา...
เครื่องกรองน้ำเหรอ ถ้าหลักสูตรของคุณนายวิภาที่พูดว่า "ขนมถูกๆเขาทำขายกันเยอะแยะ เหลือทิ้ง ของดีเกินไป ทำแพงเกินไปขายไม่ได้ ไม่มีคนซื้อ เสื้อถักถูกๆจากเมืองจีน ตัวละ 50 บาทมีขายเยอะแยะไป ซาโกวบอก หมวกจากเมืองจีนอย่างเต็มที่ก็ใบละ 300 บาท ถูก ๆ อย่าถักขายเลย"
เครื่องกรองน้ำไม่มีคนอื่นทำขายเหรอ เมืองจีนเขาไม่ทำเครื่องกรองน้ำถูก ๆ ขายเหรอ
ไม่ต้องแช่งก็รู้ ว่าเครื่องกรองน้ำของมันขายไม่ได้หรอก เจ๊งแหง ๆ
..พอ..พอกันที..เบื่อว่ะ

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

20 พค. 54

เมื่อวันก่อนไถคุณนายวิภา มาได้ 2,000
"อะไรหมดแล้ว"..
"เอางี้แล้วกัน ถ้าสิ้นเดือนนี้ ยังทำงานนี้แล้วไม่ได้เงิน จะมาขายของวันที่ 7 เดือนหน้า"
"ให้มาวันที่ 6 ตอนเช้า ไม่ใช่มาตอนเย็นนะ เขาไปตอนเช้า"
"ยายป้อม กลับไปทำอะไร ไร่มันเหรอ" ยังไม่ทันตอบ หน้าตูมๆ
"เขาก็มีธุระปะปังน่ะสิ"
"วันที่ 6 มาตอนเช้านะ ไม่ใช่มาตอนเย็น"

"มะเขือไม่ต้องเลือก เพิ่งเท" (ลูกค้าซื้อของไม่ให้เลือก บ่นเขาอีก)

"อะไร 9,000 ใช้เป็นหมื่น เดี๋ยวตอนไปถอนเงิน 7,000 เอามาคืนนะ" (พูดซ้ำ)
"ต้องคืนสิ" (ก็ยึดบัตรประชาชนไว้นี่)

"ซื้อหนังสือถักนิตติง"
"ซื้อมาทำอะไร"
"ให้มาขายของ กำไรก็ให้มึง"
"มาขายของ ป่านนี้มีเงินกินเงินใช้แล้ว"
"ค่าเช่าบ้าน ไม่ใช่ว่าจะเก็บเงินได้ทุกห้อง"

โกงสมบัติให้ลูกชายเอาไปกี่ล้าน ยังจะมาหลอกใข้งานเป็นทาส เฝ้าสมบัติของตัวเองอีก
สรุป ได้เงินสด 7,000+ ค่าเช่า 2,000 ทีวีเก่า 1 เครื่อง , เครื่องเล่นดีวีดีเก่า 1 เครื่อง

*****************
ขายหรอก ไม่ยุติธรรม ไม่แฟร์ เราทำมาเลี้ยงมันข่วยส่งมันเรียนโรงเรียนประจำ ถึงแม้คุณนายวิภาจะให้แจ๋ช่วยขาย ช่วยเลี้ยงIpom หรือจ้างพี่เลี้ยง แต่เราก็ทำมากกว่า ทำไมถึงทำกับเราอย่างนี้ วันที่ 6 มิย. 54 ถ้าคุณนายวิภาอยากให้เราไปขายของ จะส่งวิญญาณไป เชือกเตรียมผูกคอ(ให้ตาย)ยังอยู่ ให้ขาวบ้านเขารู้ว่า พวกนี้มันโกงสมบัติโกงพี่โกงน้องเอาไปหมด โยนแค่เศษเงินให้ แถมยังเป็นบุญเป็นคุณพวกมันอีก
สมัยเด็ก ไปกินโจ๊กที่ศาลาแดง 3 คนพี่น้อง IPop มันเห็นปากกาบนโต๊ะ มันหยิบมาแกะเล่น เราบอกว่า "อย่าเอา อย่ายุ่ง" มันก็เอาไป
ตกเย็นเจ้าของปากกามาหาเราถึงบ้าน ครูคงพามา เราหน้าซีดตกใจ และต้องโหก ปกป้องมัน ว่า "มันไม่ได้เอาไป ไม่รู้ ไม่เห็น" เจ้าของปากกาเขาคงทำอะไรไม่ได้ เรากระต่ายขาเดียวอย่างนั้น ต้องขอโทษเจ้าของปากกาด้วยค่ะ

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ต่อจากวันนั้น..

ยืนรอคุณนายวิภา พูดแล้วพูดอีกกับลูกค้า "งานมันเยอะ งานมันเยอะ ทำตั้งแต่เช้ายันสามทุ่มสี่ทุ่ม" พูดหลายรอบเลย ..ก็ยอมลำบากเพื่อลูกขายสบายและร่ำรวยก็ต้องทนเอาหน่อยนะคุณนาย...

วันก่อน Woddy ถาม "กู๊ปูอาบน้ำใช้สบู่ของโน่รึเปล่า" / "ไม่ได้มาอาบน้ำ ไม่เคยใข้สบู่อ้วนอาบน้ำ ซื้อสบู่เดตตอลเป็นแพค"  (เป็นคำถามที่ปกติ ไม่น่าจะคิดถามเราแบบนี้...น่าจะเป็นคำถามจากพ่อมันมากกว่า)

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

17 พค.54

เมื่อเช้าถามโน่ "โน่ ป๊าเขาสั่งให้โน่ล็อคห้องใช่มั้ย" / "อื้อ"
"แล้วเขาสั่งให้ล็อคแม่กุญแจหน้าห้องด้วยใข่มั้ย" / "ไม่รู้"

ต่อจากวันนั้น

"มึงจะเอาเดือนละเท่าไหร่ว่ามาเลย จะเอาไปทำไมอีกห้าพัน จะเอาไปทำอะไร"ทำน้ำเสียงราบเรียบ
"ก็เอาไข้ให้หมดเร็ว ๆ ไง จะได้มาขายของโขห่วย"
คุณนายวิภายิงมุขทันที "เออ..ยายป้อม กลับเดือนหน้าใช่มั้ย"
ยายป้อมก็รับมุข (ทีอย่างนี้ไม่เรียก ไอ้นรก) "ใช่กลับเดือนหน้า"
ก่อนกลับ เราถาม  "ยายป้อมกลับวันที่เท่าไหร่ล่ะ" / "กลับวันที่๖เดือนหน้า"
(เชื่อก็โง่แล้ว..แหกตาอยู่ได้... เฮ้อ..ทางใครทางมัน สอง สาม สี่ ล้าน บ้านและที่ดินให้คุณลูกชายไปหมดแล้ว หรือว่าถ้าเป็นคนจีนยุคโน้น เราอาจจะถูกโยนลงบ่อน้ำ หรือไม่ก็เอาขี้เถ้ายัดปาก ตายไปซะแล้วมั้ง...แม่เรา)

วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

7พค.54 (ต่อ)

"ที่ดินแดงนี่ก็ยกให้เอ็งกับIPom 2 คน เก็บค่าเช่า" / "ไม่เอาหรอก" / "ก็ตามใจ"
(มันมีแต่เก็บของ จะเอาอะไรไปให้ใครเขาเช่า จะให้เราเป็นหมาเฝ้าบ้าน ทำความสะอาดบ้านน่ะสิ ถ้ามีคนมาเช่า ก็ไอ้นรกมันไปเสวยสุขอยู่ที่หนองจอก ตอนอยู่บ้านนี้ก็กวาดเฉพาะหน้าห้องของมัน เห็นกวาดบันไดถึงชั้นล่าง ถึงหน้าประตู แค่วันเดียวเอง"

สรุป อะไรที่ลูกชายมันไม่เอา ก็ถึงจะโยนเหลือเดนให้คนอื่น
ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเอาคืน.. ยังไงมันก็ต้องมาเอาบ้านหลังนี้อยู่ดี เชื่อดิ

"รูปป๊าอยู่ไหน" / "ก็อยู่หนองจอกไง เขาอยากอยู่บ้านนั้นก็เอาไปไว้บ้านนั้น"

"เขาสั่งให้เอ็งใช้เดือนละ 2,000 ก็พอ"

คาดการณ์ 5,000 ที่เหลือ คุณนายวิภา คงเตะถ่วง เอาไว้วันครบ100วันป๋าเสียมากกว่า
ยังไงเขาก็ยังต้องการให้เราเฝ้าร้านโชห่วยอยู่ดี
"ระวังให้ดี อย่าไว้ใจ สุนัขจิ้งจอก9หาง"

"เขาสั่งไว้ไม่ให้เอ็ง"

เมื่อเช้าก่อน7.30 น.ออกจากบ้าน เห็นมันขับรถกระบะToyota มาจอดขนของ กระเป๋าเดินทางสีแดงกับสีดำ ไม่รู้จะขนอะไรไปอีก ไปเป็นเจ้าของบ้านอย่างถาวร"

"วูดดี้ พรุ่งนี้ไปโรงเรียนเป็นผู้ปกครองให้I Noมัหน่อย ได้รึเปล่า" (เมิงเป็นพ่อไม่ว่างซะนี่ แต่เวลามาขนข้าวของ มาเอาเงิน เวลาเก็บค่าเช่า มันว่างได้เนอะ ทุเรศสิ้นดี"

แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดี
มรดกสุดล้ำค่า เงินสด 9,000 ทีวีเครื่องพัง1เครื่อง เครื่องเล่นDVD1เครื่อง

6พค.54

»
soowannasoopankormut
@ คุณลูกชายคนโตขับเก๋งพาท่านแม่ไปหาหมอ แล้วยังอยากจะขายเพื่ออะไรกัน
»
soowannasoopankormut
@ ไม่รู้จะทำสำเร็จได้เมื่อไหร่ หนังสือเหรอ เข็ดแล้วอ่ะค่ะ ทุนไม่ได้ กำไรไม่ต้องพูดถึง ไม่รู้จะทำอะไรดี ขายโชห่วยก็เห็นนั่งจ๋องเงียบ ๆกัน
»
soowannasoopankormut
@ ลูกชายคนโตของป๊าเขาหรือเปล่า" / "จะอะไร เข้าซังเตไปแล้ว" ... รวม9,000 ทีวีพัง1เครื่องเครื่องเล่นDVD1เครื่อง ไปหมดแล้ว เฮ้อ
»
soowannasoopankormut
@ ไม่ให้เอ็ง เอารึเปล่า7พัน ห้ามไปยืมเงินหลังbank ยืมวันนี้พรุ่งนี้เขาก็ทวง เขาตัดพี่น้องไม่มีลูกหลาน จำเอาไว้ สรุปแล้วได้แค่นี้ "แล้วให้
»
soowannasoopankormut
@ กลับมาแล้วค่ะนายแป้ง ไถมาได้2,000 อีก5,000 ต้องรอนัดไปbankพร้อมกัน3คนพี่น้อง ปิดบ/ช วางบัตรปชช.ไว้กับท่านแม่ต้องถ่าย5ชุด ก็เค้าสั่งไว้
»
soowannasoopankormut
@ พี่ปุ้ยคะ คู่ของหนูเค้าเป็นใบ้ ไม่พูดไม่จาค่ะ หาเรื่องว่าเค้าจนไม่มีเรื่องจะหาแล้ว ก็ยังไม่หือไม่อือเลยค่ะ ว่าจะเลิกกันแล้วนะคะเนี่ย
»
soowannasoopankormut
@ เค้าจะทำให้ทุกอย่างของพวกเขากลายเป็นศูนย์ และยิ่งกว่าติดลบ งานนี้ถ้าพวกเขากล้าเสี่ยงมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง.. เริ่มล่ะนะ
@ คุณลูกชายคนโตขับเก๋งพาท่านแม่ไปหาหมอ แล้วยังอยากจะขายเพื่ออะไรกัน
 
@ ไม่รู้จะทำสำเร็จได้เมื่อไหร่ หนังสือเหรอ เข็ดแล้วอ่ะค่ะ ทุนไม่ได้ กำไรไม่ต้องพูดถึง ไม่รู้จะทำอะไรดี ขายโชห่วยก็เห็นนั่งจ๋องเงียบ ๆกัน
 
@ ลูกชายคนโตของป๊าเขาหรือเปล่า" / "จะอะไร เข้าซังเตไปแล้ว" ... รวม9,000 ทีวีพัง1เครื่องเครื่องเล่นDVD1เครื่อง ไปหมดแล้ว เฮ้อ
 
@ ไม่ให้เอ็ง เอารึเปล่า7พัน ห้ามไปยืมเงินหลังbank ยืมวันนี้พรุ่งนี้เขาก็ทวง เขาตัดพี่น้องไม่มีลูกหลาน จำเอาไว้ สรุปแล้วได้แค่นี้ "แล้วให้
@ กลับมาแล้วค่ะนายแป้ง ไถมาได้2,000 อีก5,000 ต้องรอนัดไปbankพร้อมกัน3คนพี่น้อง ปิดบ/ช วางบัตรปชช.ไว้กับท่านแม่ต้องถ่าย5ชุด ก็เค้าสั่งไว้
 พี่ปุ้ยคะ คู่ของหนูเค้าเป็นใบ้ ไม่พูดไม่จาค่ะ หาเรื่องว่าเค้าจนไม่มีเรื่องจะหาแล้ว ก็ยังไม่หือไม่อือเลยค่ะ ว่าจะเลิกกันแล้วนะคะเนี่ย
@ เค้าจะทำให้ทุกอย่างของพวกเขากลายเป็นศูนย์ และยิ่งกว่าติดลบ งานนี้ถ้าพวกเขากล้าเสี่ยงมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง.. เริ่มล่ะนะ
 
จริง ๆแล้วตอนไม่ปิดเทอมวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ก็ไปตลาดสามย่านตอนกลางวัน บางทีก็โง่มาก
ด้วยความที่งกค่าสามล้อ รอนาน เขาสั่งค่ารถ13บาท ต่อแล้วต่ออีก กลับถึงบ้านมะพร้าวบูดหมดเลย
โลสองโล
 
บางทีก็นั่งรถเมล์ลงหน้ารพ.จุฬา หิ้วตะกร้าหมูหนักนะหลายโลเข้าบ้าน ผ่านศาลาแดง
ก็อยากได้ค่ารถมากินขนม แต่คิดแล้วจริง ๆไม่คุ้มเลย เพราะเราน่าจะได้เงินจากการขายของให้ลูกค้าดีกว่า นายว่าจริงมะ เด็กมันโง่เนอะ
 
จดรายการไปซื้อ ปลาช่อน หมู (เจ้าประจำ) ปลาทูเข่ง   หิ้วที2เถา หิ้วไปรอรถสามล้อปากซอยเลยแหละ
 
ตอนเด็กนะ เค้าเคยควั่นอ้อยด้วยแหละ จะเป็นแท่นไม้สูง ๆ มีร่องไว้วางท่อนอ้อย มีที่จับสับอ้อยเป็นท่อน ๆ สับเอาข้อออกด้วย อ้อยงี้ ว๊าน หวานล่ะ สมัยนี้ไม่ค่อยมีแล้วเนอะ มีแต่เครื่องบีบน้ำอ้อยสด
 
ตอนโน้นมีสิ้มคนหนึ่ง แกจะหาบขนม "ไฉ้ก้วย" แต่เราเรียก "กุ้ยช่าย" ก็ไส้กุ้ยช่าย อร่อยมากเลย
ชอบไส้ มันแกว หน่อไม้ เผือก กุ้ยช่าย ข้าวเหนียว (อันนี้ทำเป็นแหลมๆ สีชมพู)
 
มีขนมตังเมด้วย แต่ไม่ค่อยชอบกิน มันเหนียวมากเลย
 
นายเคยกินตังเมมั้ย ท่านทางนายจะเหนียว เคี้ยวไม่เข้ามากกว่าตังเมซะอีก อิอิ
 
ไปละ ถ้าไม่ตายจะมาเขียนใหม่
 

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

5 พค.54 (เพิ่มเติม)

วันก่อนกินโจ๊กสิ้ม พูด "เมื่อกี๊เจอป๊อป บอกจะทำบุญพ่อ 100 วัน ปูยังไง"
"อ๋อ ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าสิ้ม นี่มันก็ฮุบสมบัติป๊าไปหมดแล้ว"
"อ้าว..บอกแม่สิ บอกแม่ ขอความเป็นธรรม"
"คืองี้..นั่นแหละ ตัวต้นคิดเรื่องนี้"
"แล้วจะทำยังไง"
"ก็ไม่เป็นไร สร้างเอาใหม่ สู้คนเดียว"
"จะสู้ยังไง ก็ต้องมีทุน"
"ไม่เป็นไรสิ้ม"

เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ป๊ายังมี "รถกระบะ TOYOTA HILUX" อีก 1 คัน สีเงิน สภาพใช้งานได้ดี
ต่อโครงเหล็กมีประตูบรรทุกของได้อีกเยอะ
"ก็คงเป็นของมันอยู่ดี"

************
ตั้งแต่วันนั้นที่ไปยืมเงินซาโกว หรือก่อนหน้านั้น คุณนายวิภาไม่เคยโทร.มาถามเลยว่า
มีเงินใช้มั้ย ต้องการเงินทุนมั้ย"
************

ตั้งแต่วันที่ไปเอาเชือกไนล่อน คุณนายวิภาก็ไม่เคยถาม "มีเงินใช้มั้ย ต้องการเงินทุนมั้ย"
เค้าเฉย ๆ (คงจะ..มึงจะตายก็ตายไปเถอะ) อยากรู้จังเลย ว่า
ถ้าเป็นคุณหนูหลิน พิมพา สุพรรณโกมุท หลานนอกไส้สุดที่รัก
เค้าจะถามคำถามเหล่านี้มั้ย ...Absolutely ป่านนี้คงจะให้อยู่คอนโดที่รามอินทราแล้วมั้ง
หลานนอกไส้คนนี้ปล่อยให้ลำบากไม่ได้ เขาเรียนสูง ถูกตบตี น่าสงสารมาก
ก็อย่างว่าแหละ "เราคงไม่ใช่ลูกเค้า"

************
สมัยเด็ก ๆ ปิดเทอม จะถูกปลุกตอนตี3 ให้ไปตลาดวงเวียนใหญ่
ไปเฝ้ารถ เฝ้าของ โตขึ้นมาก็ช่วยหิ้วของด้วย เลือกแตงกวา มะเขือเปาะ
สมัยนั้นป๊าขับรถ DATSUN สีเขียว วิ่งเส้นพระราม4 ผ่านตลาดเยาวราช เข้าวงเวียนใหญ่
แล้วป๊าก็นั่งหลับตรงที่นั่งคนขับ..ขากลับ วิ่งเส้นสะพานพุทธ
แวะตลาดสามย่าน...แม่ซื้อทอดมันสำเร็จรูปร้อน ๆ มะพร้าว และอื่น ๆ
กลับถึงบ้านแม่ก็ขึ้นผัก เราก็มีหน้าที่ขายทอดมันจนหมด หุงข้าง ทำกับข้าว

ช่วงป.6 โรงเรียนประถม ย้ายจากศาลาแดง ไปอยู่ซอยข้าง รร.สมถวิล
ป๊าขับรถส่งนักเรียน ไอ้เราก็จะมีหน้าที่เปิดประตูรับ-ส่งนักเรียนขึ้นลงจากรถ

มีลังกระบะกรุด้วยอลูมิเนียม กับที่ทุบน้ำแข็งแท่งสี่เหลี่ยมอันใหญ่มาก
เราจะมีหน้าที่ทุบน้ำแข็ง ใส่น้ำเปีปซี่ โค้ก ฯลฯ ขาย
เอาถังน้ำพลาสติกใส่น้ำ เอาขวดเป๊ปซี่แช่ ฟองน้ำเช็ดขวด แล้วแช่ตู้เย็น

เด็กกว่านั้นก็ ใช้ฟื้นไม้ซี่เล็ก ๆ กองบนขี้ไต้จุดไป วางถ่านครอบ
ตั้งหม้อต้มน้ำชงกาแฟ (สมัยนี้เรียกว่ากาแฟโบราณ)
ชงโอวัลติน โอเลี้ยง ชาดำเย็นขาย

โตหน่อย ปิดเทอม ก็รับจ้างพับผ้าเช็ดหน้าเป็นโหลใส่ถุงพลาสติก ค่าแรงเป็นร้อยละเท่าไหร่จำไม่ได้แล้ว
รับจ้างติดป้ายราคาเสื้อชั้นใน Triump ไปกับป้าณี (ตอนนี้ป้าณีเป็นพากินสัน แต่ก็พอเดินได้ พูดไม่ค่อยชัด ความจำยังดีอยู่)

เรียนพาณิชย์ ก็รับ JOB ขายกระเป๋านักเรียน BONNY ที่ห้างโรบินสัน ราชดำริ จนหมด Promotion
ห้างจะมีโรงอาหารสำหรับพนักงาน ก่อนเปิดห้าง พนักงานทุกคนต้องยืนออกกำลังกาย
ตามเพลงที่ห้างเปิด มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ขายกระเป๋าแล้วทำใบเสร็จลูกค้าหาย ไม่รู้ทำไง
ลูกค้าก็ด่าตามระเบียบ ด้วยความอยากช่วยแคชเชียร์ (คือเขาต้องเอาใบเสร็จไปแลกซื้อ)
เจอพี่นักร้องวง Power Band ที่ร้องเพลง "ถ้าเธอเป็นฉัน คงคิดสั้น ๆ เพราะทนไม่ได้.."

"เหมือนไม่รักกัน" (เลยนะพี่ยา)
http://www.youtube.com/watch?v=49jZrApyHlc
ขอบคุณ http://www.youtube.com/user/nongking720

สมัยก่อนขายโชห่วย เราจัดตู้สินค้า (นานนานที) วัดสายไฟ ตัดเป็นเมตร
หลอดไฟไส้ แบบเกลียว แบบเขี้ยว ตั้งแต่ 5Watt ถึง100 Watt ลองไฟ ใส่ขั้ว
หลอดไฟนีออน มีขวดนมแบบแก้ว ปกพลาสติก ไหมปักเสื้อนักเรียน สีแดง สีน้ำเงิน
(อ้อ เราเองก็มีหน้าที่เป็นคนปักอักษรย่อชื่อโรงเรียน เขาปั๊มใส่ผ้า เราใส่สดึงเอง ปักเอง
มีรอยเฉียง ๆ แทงเข็มขี้นลงอย่างละเอียดยิบ กระเป๋าเสื้อนักเรียนของเรา
กับของน้องชาย)

จำได้ครั้งนึง กำลังตีไข่จะทำไข่เจียว ไม่รู้IPop มันแหละอะไร โมโห เลยเทไข่ทิ้งหมดถ้วย
แม่เดินมาตีเราอย่างแรงหลายที  ส่วนมันไม่โดนตี แค่ถูกว่าเล็กน้อยเองมั้ง
*********
จบก่อนดีกว่า คิดไม่ออกแล้ว
ถ้าไม่ตายค่อยมาเขียนใหม่

4 พค.54 (วันนี้ก็คิดว่าต้องอดตายแล้วล่ะ)

เมื่อเช้ากินโจ๊กสิ้มไป2ชาม กินแก้กลุ้ม ก็ยังดีกว่ากินเหล้าเนอะ
เหลือสตางค์20บาท
ตอนบ่ายPomให้ยืมเงิน300
จะอยู่ได้กี่มื้อเนี่ย ไปไหนก็ไม่ได้ ออกนอกบ้าน มื้อนึงก็ปาไป60-70แล้ว
ไม่มีorder
แฟนก็ปล่อยให้เราตายอย่างช้า ๆ ละมั้งเนี่ย (ใครเป็นแฟนหล่อนกัน เขาไม่เคยพูดกับเราซักคำ คิดไปเอง ทุเรศมากเลย)
ก็เขาไปเที่ยวของเขา เงินของเขา ไม่ใช่เงินของเรา
ใครๆก็ต้องอยู่ภายใต้กฎเหล็กของเขาทุกคน เราเองก็เช่นกัน
ไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องช่วยตัวเองอยู่แล้ว
ถ้าช่วยตัวเองไม่ไหว ก็ไปตายซะน่ะ เนอะ

วันนี้ IPop มันเอาตู้รับจดหมายมาเปลี่ยนไหม ของ Hanabishi มั้ง ใบใหญ่เลย
มีกุญแจล็อคด้านข้างด้วย เป็นเหล็กทึบหมดทั้งใบ
แล้วจดหมายเราจะเป็นอย่างไร (มีเรอะ) ถ้ามีมันก็โยนทิ้งเหมือนเคยน่ะแหละ

มันให้เงินลูกอาทิตย์ละ300บาท Woddyไปบ้านเพื่อน ออกนอกบ้าน เล่นดนตรี
มันจะเหลืออะไร เมื่อวานเหลือ17บาท อาศัยทำกับข้าวกินกัน2คนพี่น้อง
มันไม่ให้เงิน Dino วันนั้นไปโรงเรียนปฐมนิเทศ ให้ค่ารถค่าขนม50บาท

3 พค.54 (วันนี้หน้าด้านจัง)

ก็อยากจะตายอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไง ขอยืมเงินสิ้ม 200 บาท
ไม่รู้ว่าจะมีคืนให้แก่เมื่อไหร่

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

30 เมย.54 รู้ผลแพ้ทุกประตู

ปั่นหมวกรีบถักเสร็จเกือบบ่ายโมง ยืมเงินโน่100 โน่บอกไม่มี (ได้ยินIPopพูดเสียงดัง "เข้าใจรึเปล่า" แต่เราเข้าใจว่ามันคงสั่งไม่ให้ยืมเงิน ทั้งที่วันนี้มันเอาเงินมาให้ โน่บอก ป๊าให้แค่ค่าชุด...จำไม่ได้แล้ว) ก็นั่งรถเมล์ฟรีสาย13ลงสวนลุม เดินไปหลังแบงค์กรุงเทพ

ซาโกวบอก "แกขายของชำน่ะดีแล้ว ชั้นคุยกับแม่แกแล้ว หมวกพวกนี้ต้องขายหน้าหนาว ถ้าแกมีเงินก็ถักไว้ขายหน้าหนาวสิ ถักไปให้โซ่ยเจ็กสิ เขาจะกลับอเมริกาแล้ว" โซ่ยโกวบอก "นี่ก็ลดค่าเช่าให้เขาไปตั้งเยอะๆๆๆๆ"

ขอยืม 2,000 "ชั้นไม่มีหรอก/นี่ก็ลดค่าเช่าให้เขาไปตั้งเยอะ"
"งั้นไม่เป็นไรค่ะ กลับแล้ว"
"เออเออ"  เดินมาถึงประตูเหล็ก ปิดประตูลงทันที...

ซาโกวบอก "ไปยืมแม่แก ขายของน่ะดีแล้ว อย่างน้อยก็ได้ทำกิน แม่แกบอก ขายได้เท่าไหร่ กำไรก็แบ่งกัน แกขายของชำไป พอว่างนั่งถักไปด้วยก็ได้นี่"
ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปโดดสะพานลอยกะตาย ให้ขายโชห่วยน่ะเหรอ เค้ายอมตาย
****

เดินกลับไปบ้านคุณนายวิภา ดุ่ย ๆ เข้าไป หาเชือกไนล่อน 5mm. ได้มา6 เส้น (น่าจะรับน้ำหนักเกือบ80โลได้)..ไม่สนใจ ไม่ขอเงิน ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ได้เชือกแล้วเดินออกจากบ้านไปเลย

คุณนายวิภา  "เฮ้ย ๆ จะเอาเชือกไปทำอะไร" เดินดุ่ยไม่สนใจ จะเอาไปทำอะไร เอาไปกินมั้ง

ก็พอสตางค์หมด ไม่มีข้าวกินเมื่อไหร่ ก็ผูกคอตายเมื่อนั้น ..แต่ก็อย่างว่าแหละ จะตายเขาก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก ยังไงซะก็ต้องไปขายโชห่วยอยู่ดี มันไม่มีทางไป มันไม่มีใครช่วยหรอก...

เสียใจด้วยนะ มึงรู้จักกูน้อยไปซะแล้ว ....ถ้าอยู่แบบมีลมหายใจไปวันๆ ..แลกกับมีข้าวกินไปวันๆ ..อยู่หรือตายมีค่าเท่ากัน... ข้าวกินได้ ศักดิ์ศรีกินไม่ได้..แต่เราก็เลือกที่จะตายอย่างมีศักดิ์ศรี ดีกว่าเป็นทาส ให้เขาหลอกใช้ให้เฝ้าสมบัติ แล้วลูกชายเขาไปเสวยสุข กับมรดก บ้านและที่ดิน

หลายวันก่อนเห็นจดหมายจากสำนักงานที่ดินเขตหนองจอก เป็นปึกหน้าห้อง IPop วันก่อนมีมากอีก1 ฉบับ ใจความ "ตามที่ได้ยื่นเรื่องโอนที่ดิน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2554 ....ให้ไปดำเนินการภายใน 30 วันนับจากวันได้รับจดหมายนี้"...หึหึ ป่านนี้เขาก็โอนก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว จำไว้เราได้เงินสด 2,000 ทีวี1เครื่อง เครื่องเล่นDVD 1 เครื่อง

***********

เมื่อวานไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้าถึง6โมงเย็น นั่งรอรถเมล์ฟรีสาย77 ลงหน้าโรงแรมเซ็นจูรี่
ได้น้ำจาก รพ.กรุงเทพคริสเตียน 1 แก้ว รองท้องไปก่อน (ไอ้เราก็เซ่อเห็นไม่มีแกลลอนน้ำคิดว่าไม่มี แต่มีแก้วกระดาษ มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งหยิบแก้วกระดาษกดน้ำ ..เหอะๆหายโง่เลยเรา อุตส่าห์กรอกน้ำประปากะกินเต็มที่เลย"

แล้วทำไง เอาขวดน้ำดื่มที่ตอนแรกตั้งใจจะให้รถขนขยะ แต่ตอนนี้ไม่มีเงินกินข้าว
ก็ต้องเอาไปขายก่อน ได้สตางค์มา 16 บาท แปลกนะ กลับไม่หิวเอาเสียเลย กินน้ำแข็งที่ค่อย ๆ ละลายเป็นน้ำเย็นประทังไป...ดึกแล้ว กินปลากระป๋องปุ้มปุ้ย (กระป๋องสุดท้าย แบบฝาดึง) 15 บาท

วันที่ 1 พค.54  เช้านี้ ขนกล่องพลาสติกทุกใบที่ IPop มันว่าเกะกะ เอาไปขาย หม้อหุงข้าวไฟฟ้า กระทะไฟฟ้า ถ้วยพลาสติก ทัพเพอร์แวร์ของแท้ดี3ใบ ถาดอลูมิเนียม หม้ออลูมิเนียม  (เออ ไม่ตายหาใหม่ได้)
โทรทัศน์ของป๊าตอนนั้นที่เอามา แล้วช็อต เครื่องเล่น DVD ถือเป็นมรดกชิ้นสำคัญ ช่วยประทังชีวิตไปได้อีก1-2วัน ได้สตางค์190บาท

ต่อไปก็ไม่มีอะไรจะขาย เพื่อยาไส้อีกแล้ว...

รับรองได้ใช้แน่ เชือก6เส้น

ซาโกวบอก "แม่แกขายผักคนเดียว" แต่ที่ไปเห็น "ยายป้อม ช่วยขายด้วย" จ้างเขาแต่ก็ใช้เขาแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น (เล็กบอกตอนโน้น เอายายป้อมไปดูเตี่ยเอ็ง ก็ใช้งานเขาหัวไม่วางหางไม่เว้น"

"ว่าง ๆ ตักข้าว5โลซิ" ทำไมต้องใช้คำว่าว่างๆ ก็จะตักอยู่แล้ว ของเคยทำ ไม่ใช่ไม่เคย

ตอนเล็ก ๆ (พ่อหนีเที่ยวหญิงมั้ง) ก็ไปนั่งเฝ้าผักที่ตลาดคลองเตย นั่งยอง ๆ กับขนมลูกชุบ 1 กล่อง ปั้นเป็นรูปพริกชี้ฟ้าเขียวแดง แม่ซื้อให้ เราก็นั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย ซื้อผักเสร็จ ก็เอาขึ้นสามล้อกลับมาขาย

เรียนพาณิชย์ เช้าก็ช่วยขึ้นผัก ไม่เคยเห็นลูกชายคนเล็กทำเลย
ถ้าวันหยุด เราก็ช่วยหยิบของ หยิบไข่ใส่ถุง หยิบถั่วงอก หยิบขนมจีนแป้งหมักใส่ถุง ก็ทำนะ
แต่ปัจจุบัน ลูกชายคนโต เขาทำมากกว่า เขาเหนื่อย ไอ้เราเกิดปีแพ เลยเป็นแพะรับบาป ข้อหา
ไม่ทำงาน ไม่ทำมาหากิน... ซวยโคตะระ

น้ำตาลทรายตักจนหมดโอ่งก็ทำมาแล้ว
หน้าบ้านก็กวาดจนไม่เหลือใบผักเศษนิดนึงก็ไม่เหลือ
ทุกคืนต้องล้างชาม ถาดกะละมังใส่ไก่ ใส่ปลา บางคืนขี้เกียจ หลับ เช้าก็เหม็นเน่าเลย

ลูกชายคนโตอยู่โรงเรียนประจำ ลูกชายคนเล็กไม่แตะงานอะไรเลย เออ..เราเคยบ่นมั้ย ว่ามันต้องทำมั่ง

จำได้ของที่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ก็ "ว่ายน้ำที่ YMCA อีเล็คโทนขนาด1ฟุต เครื่องเล็ก ๆ (ตอนแรกยืมของน้องข้างบ้าน) เครื่องพิมพ์ดีดโอลิมเปีย กระเป๋าหิ้ว ภาษาไทย เครื่องพิมพ์ดีดโอลิมเปียเครื่องใหญ่ เหมือนที่โรงเรียน นาฬิกา POMAR 1 เรือน หลายพันอยู่ หายไปแล้วมั้ง

แล้วคุณลูกชายทั้ง2คนล่ะ คนโตได้มอเตอร์ไซค์ Kawasaki ขี่ไปโรงเรียนช่างกล แถวกล้วยน้ำไท ต่อมาก็ turn 1 คันมั้ง ลูกชายคนเล็กได้มอเตอร์ไซค์ขี่ไปโรงเรียน บพิตภิมุข สวนพลู 1 คัน คอมพิวเตอร์1เครื่อง จำไม่ได้แล้ว ..ไม่เคยบ่นว่าอยากได้มั่ง ไปเรียนก็เดินไป สวนพลูแค่นี้เอง เอี่ยมลออ..เดินกลับ

ความจำสั้น ...แต่รักฉัน (สั้นกว่า)
จบดีกว่า ว่าจะไม่พูดแล้วเชียว ...แต่ชั่งมันเถอะ ความจริงก็คือความจริง