วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

29กย.56 นังปูเดินออกจากบ้าน เดินมาเลยศาลเจ้าเกือบครึ่งซอย เห็นรถเก๋งสีดำ.. มองไม่เห็นทะเบียน พอเข้าใกล้ ใช่เลย 4672..น้องเช่าหน้าบ้านขายผักถาม "พี่ปูนั่งรถเมล์มาเหรอ" ตอนไปไถเงินแม่

29กย.56 นังปูเดินออกจากบ้าน เดินมาเลยศาลเจ้าเกือบครึ่งซอย ใกล้ 8 โมงแล้ว..ฝนกำลังตกปรอย ปรอย นังปูก็เดินจ้ำ จ้ำ ..ไม่มีร่ม (เพราะเอาไปกาง กันน้ำฝนทะลุหลังคารูโหว่ ใหญ่ และแตกเป็นแนวยาว..ฝนจะตกอีกเป็นอาทิตย์.. กางร่มกันฝนสาดกล่องไม้ที่ติดมเตอร์ไฟฟ้า.. ไม้บวมหมดแล้ว.. ตัวเองก็ต้องอาศัยถุง 7-11 คลุมหัวกันน้ำฝนลงหัวแค่นั้น... (ข้ามสะพานลอยฝั่งตลาดวัดตะพาน ฝนตกพรำ พรำ เม็ดใหญ่ หลบในเซ้เว่น เกือบ 20 นาที) เห็นรถเก๋งสีดำ.. มองไม่เห็นทะเบียน พอเข้าใกล้ ใช่เลย 4672..น้องเช่าหน้าบ้านขายผักถาม "พี่ปูนั่งรถเมล์มาเหรอ" ตอนไปไถเงินแม่ / "ใช่" พี่นั่งรถเมล์มา... มาให้เค้าด่าไง.. ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนถึงจะได้เงินแบบขอทาน.. น้องคงจะแปลกใจ..ที่เห็นลูกชายคนโตของอาม่า ขี่รถมอเตอร์ไซค์คันดำ คาวาฯ คันละเกือบ 3 แสน แต่งตัวดีมีสง่าราศรี.. ขี่รถเก๋งฮอนด้า แจ๊ส สีดำ 4672 ..หรือไม่ก็ถ้าขนของก็กระบะของป๊า..ที่ไม่มีเขียนไว้ในพินัยกรรมว่ายกให้ใคร...แต่ทุกอย่างก็เป็นของมัน.. อะไรที่มันไม่มี เหตุผลง่าย ๆ ของคุณแม่วิภา จงมีความสุข คือ.. "อีดอกมันขนไปหมดแล้ว" กับ (อะไรที่มึงถาม) "กูทิ้งไปหมดแล้ว"... ไม่ว่าจะเป็นมือถือเครื่องเก่า ๆ 2-3 เครื่อง เครื่องซักผ้า เตาไมโครเวฟ (ที่ซื้อใหม่) ของเก่าพื้นทะลุ ป๊าก็ยังใช้อยู่เลย.. กะละมังสแตนเลส 2 ใบของเรา.กระทะ ของในกล่องพลาสติก 1 ลัง.."อีดอกมันขนไปหมดแล้ว" หรือไม่ก็ "ทิ้งไปหมดแล้ว"..แปลกจัง.. ลูกป๊อป มีหรือที่จะปล่อยให้อีดอกเข้าบ้านมาขนของไปง่าย ๆ ..ขนาดป๊านอนโรงพยาบาล จะตายมิตายแหล่...อีดอก(ที่แม่...เรียก) ลูกป๊อป ผู้ได้รับมรดกที่ดินบ้านเช่า 5 แปลง รวม 515 ตารางวา..หนองจอก มีนบุรี (โอนรับมรดกที่สำนักงานที่ดิน 2 สำนักงาน) ขับรถไปขับรถมา โครตเหนื่อยเลย.. เหนื่อยที่สุดก็คงจะเป็น "พาอีนังปู ไปเซ็นปิดบัญชีธนาคารทหารไทย สาขาย่อย ในถนนเล็ก ๆ ได้เงินมา 7,000 กว่าบาทนิดหน่อย)..เป็นค่าเซ็น "ไม่ขอรับมรดก"..ที่สำนักงานที่ดิน..แต่มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็ร่วม 5 ล้านบาท กับเงินค่าเช่ากินไปอีกตลอดชีวิต ยันลูกเมียใหม่ เกิดอีก 10 ชาติก็ยังมีกิน อีกเดือนละไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท (แหล่งข่าวกล่าวว่า ป๊าเอ็งได้ค่าเช่า เดือนละเกือบ 30,000 บาท).. ส่วนนังปูได้ค่าเซ็น "ไม่ขอรับมรดก" เดือนละ 2,000 บาท.. คุณแม่บอก "ถ้ามึงจะมีเงินกินใช้ ให้มึงมาทำงานช่วยขายของ ให้วันละ 200" หรือไม่ก็..ให้เป็นเดือนละ 9,000 แต่มึงต้องมาช่วยทำงาน (ถามให้แน่ใจ ชัดเจน.. ของป๊าเดือนละ 2,000 กับค่าทำงาน อีก 7,000 ถึงจะร่วมเป็น 9,000 ใช่มั๊ย" คำตอบคือ "ใช่" ไปเล่าให้ชาวบ้านเขาฟัง..เขาถาม "อ้าวไม่ใช่เดือนละ 11,000 หรอกเหรอ.. ก็ 2,000+9,000 ก็ต้องเป็น 11,000 สิ) มะเหงกแน่ะ..เค้าคิดว่าลูกสาวคนเดียวที่ช่วยขายของ ทุกวัน ไปตลาดวงเวียนใหญ่ให้ทุกวัน..ตอนปิดเทอม ไปตลาดสามย่านให้ทุกวัน.. จะโง่ปัญญาอ่อน....คิดไม่เป็น.. (แม้แต่สมบัติอากง อาม่า..ห้องแถวที่ดินกรมธนารักษ์ ทำห้องเช่า มีรายได้เดือนละหมื่นกว่าบาท.. และห้องเล็กอีก 1 ห้อง ตั้งเครื่องซักผ้า 4 เครื่อง เครื่องกรองน้ำ 1 เครื่อง.. แค่ลงทุน ที่ฟรี..ก็มีรายได้เข้ากระเป๋า.. ) ไปเดินดู คนมาซักผ้าเต็มทุกเครื่อง ตั้งแต่ยังไม่ 6 โมงเช้า..รายได้เป็นของใครก็ไม่รู้.... นี่ก็ตัดใจให้แบบขอทาน (เพราะทวงบุญคุณ เมื่อตอนเด็ก ๆ ช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน ถ้าไม่ได้ ป่านนี้ก็คงจะต้องไปรับจ้างล้างลาน รับจ้างทำงานเป็นแม่แม่บ้าน ถูพื้น ล้างส้วม ยืนทำงานในโรงงานตั้งแต่ 7.30 ถึว 19.30 น...หายใจไม่ทัน เกือบตายมาแล้ว).. แต่ก็อย่างว่า.. ว่าแดก "มึงไม่ต้องทำงาน ก็มีกิน .กูทำคนเดียว กูแก่ยังต้องทำ..มึงไม่ต้องทำ ให้ทำอะไรก็ไม่ทำ... " / "ก็สมัยเด็ก ๆกูก็รับใช้พวกมึงทำให้ทุกอย่างแล้ว..ลูกมึง 2 คน ได้มอเตอร์ไซค์+ค่าน้ำมันรถ คนละคัน คนโตได้ 2 คัน กูนังปู เสาร์อาทิตย์ ต้องติดเตาถ่าน..ต้มนำชงกาแฟ ขาย..ตำน้ำแข็ง ยกเตาถ่านขาย ขายลิ้นเตา หักไม้กวาด 1 เส้น วัดขนาดมา..เราก็วัดลิ้นเตา ได้ขนาด ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ ตอนหลังใส่ถุงหิ้วให้ด้วย.. ตักข้าวสารขายเป็นถัง ๆ 2 แขนหิ้ว ถุงละ 7.5 โล เดินไปส่งถึงบ้านป้าณี ..หรือส่งที่สถานทูตเบลเยี่ยม สนามหญ้าสวยมาก สดชื่น ต้นไม้เยอะแยะเลย) ใช้ให้ไปซื้ออัลลัมมิลค์ โรคกระเพาะให้คุณแม่ ที่บ้วนหยูฟาร์มาร์ซี ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ ติดอยู่กับโรงน้ำแข็งศาลาแดง..ใช้ให้ไปซื้อขนมเทียน หิ้วตะกร้าขึ้นรถเมล์ ทั้งขาไปขากลับ..ไปวงเวียนใหญ่ วันธรรมดาหรือวันหยุดก็ต้องไม่ ..ลูกชาย 2 คนมีรถมอเตอร์ไซค์.. ไว้ขี่ไปโรงเรียนอย่างเดีย... เวลาคุณแม่ไปตามล่าผัว..มีเมียน้อย..ก็ลากกูไป..เอามีดอีโต้ หัวโค้งยาว ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ใส่ถุงไปจะไปฟัน ผัวกับเมียน้อย..ร้องเรียกเขย่าประตูบ้าน เป็นประตูเหล็ก แบบสมัยก่อน เป็นข้ามหลามตัด ข้างในมีมะละกอสุก เน่าเต็มพื้น เต็มห้อง..หรือจะไปหมู่บ้านหรรษา ตรอกโรงน้ำแข็ง คุณแม่ตามไปล่า ไปราวี แตกกระเจิง.. ถึงคราวกูบ้าง.. อย่าให้กูนังปู สุวรรณา สุพรรณโกมุท เจอ นังหลิน พิมพา สุพรรณโกมุท ถ้าเจอเมื่อไหร่ กูจะซื้อมีดโต้แบบที่แม่กูลากกูกับไอป้อมไป..ไปผัวกับเมียน้อย..แบบนั้นแหละ..กูจะฟันหัวอีนางหลิน พิมพา สุพรรโกมุท ให้คอขาด ตายห่าคาที่ให้ได้... วิธีดีดีที่แม่ทำ ลูกสาวคนเดียวต้องเอาอย่าง..ใครก็ตาม มาตักตวงผลประโยชน์ โดยที่มันไม่ต้องทำงาน อาบเหงื่อต่างน้ำ..แต่คนที่ต้องทำ..รับใช้เป็นลูกทาส.พวกมันไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณ.... มันต้องตาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น