วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ขนมปังหน้าหมู / ทอดมันปลากราย / แกงเลียง / ข้าวเหนียวหมูแดง / น้ำพริกกุ้งเผาตะลิงปลิง / น้ำพริกมะขามอ่อน / น้ำพริกขี้กา / ปลาร้าสับ / เต้าเจี้ยวหลน / ปูเค็มต้มกะทิ / ปลาส้มปลาตะเพียน / ผักดองจิ้มน้ำพริก /

ขนมปังหน้าหมู ขนมปัง 5 แผ่น / หมูสับ (หรือเนื้อสับ ไก่สับ ปูหรือกุ้ง) 200 กรัม / ไข่ 2 ฟอง / เนื้อปูนึ่ง 2 ชต. / กระเทียม 2 ชต. / รากผักชี 1 ชช. /พริกไทยป่น 2 ชช. / ซีอิ๊วขาว 1 ชต. / น้ำมันสำหรับทอด *** วิธีทำ 1.โขลกกระเทียม รากผักชี พริกไทยให้ละเอียด / 2.ผสมหมูสับกับเครื่องหอมโขลก ปรุงรส ใส่ไข่ นวดให้เหนียว / 3.ตักหมูปรุงแล้วทาบนขนมปังให้ทั่ว โรยด้วยเนื้อปู กดให้อยู่และแปะใบผักชีบนหน้าหมู / 4.ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟปานกลาง พอน้ำมันเริ่มร้อนใส่ขนมปังหน้าหมู คว่ำหน้าลง ทอดให้เหลือง กลับข้าง ทอดต่อจนขนมปังเหลือง ตักขึ้น วางให้สะเด็ดน้ำมัน รับประทานร้อน ๆ กับอาจาด .. / น้ำจิ้มอาจาด แตงกวาซอยตามขวาง (ผ่า 4 หั่นขวาง) หอมเล็กซอยตามขวาง พริกเหลืองหั่นตามขวาง / น้ำส้มสายชู 4 ชต. / น้ำตาล 2 ชต. / เกลือเล็กน้อย.. วิธีทำธีทำ 1.น้ำส้มสายชู เกลือ ต้มสุก ทิ้งไว้ให้เย็น ปรุสรสให้เปรี้ยวนำ หวานตาม / 2.ดองแตงกวา เมื่อเวลาจะรับประทาน อย่าดองไว้นาน ๆ จะไม่อร่อย *** ถ้าใช้ขนมปังฝรั่งเศสหั่นหนา 1.5 ซม. แทนขมปังแผ่นก็จะอร่อยเดี เพราะขนมปังฝรั่งเศสจะเหนีวกว่า *** ถ้าซื้อขนมปังมาใหม่ๆ นิ่มๆ ๆ ควรเอามาใส่กระชอนผึ่งลมให้แห้งสักหน่อย เวลาทอดจะได้ไม่อมน้ำมัน แต่ขนมปังเก่าที่แช่ตูเย็นไว้หลายวันแล้วใช้ได้ดีที่สุด *** แกงเลียง .. ฟักทองหั่นหนา 0.5x2 ซม.10 ชิ้น / บวบเหลี่ยมปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นพอคำ 10 ชิ้น แฉลบ / ยอดข้าวโพด(อ่อน)หั่นแฉลบ 3 ฝัก / เห็ดฟางผ่าครึ่ง 3 ดอก / กระชายทุบ หั่นท่อนยาว 1 นิ้ว 1 หัว/ พริกไทยสด 1 ช่อ หั่น 4-5 ท่อน / ตำลึงเด็ดเอาแต่ใบ 1 กำมือ / แมงลักเด็ดเอาแต่ใบ 1 หยิบมือ / ปลาหมึกหั่นชิ้นพอคำ 1 ตัว / กุ้งกุลาดำปอกเปลือก ชักเส้นดำ 4 ตัว/ หอยแมลงภู่เอาแต่เนื้อ 4-5 ตัว/ น้ำซุป 3 ถ้วย / น้ำปลาส 1.5 ชต. / น้ำตาลทราย 1 ชช. +++ ... เครื่องปรุงพริกแกง.. พริกชี้ฟ้าแดงผ่าเอาเมล็ดออก 4 เม็ด / กระชาย 3 หัว/ หอมแดง 3 หัว / พริกไทยขาวเม็ด 10 เม็ด / กะปิเผาไฟพอสุก 20 กรัม / กุ้งแห้ง 20 กรัม/ ++++ วิธีทำ1.โขลกลพริกแกงให้ละเอียด เตรียมผักใส่กะละมังเดียวกัน (ยกเว้นตำลึงและแมงลัก) / 2.ตักน้ำซุปใส่หม้อ ตั้งไฟ พอเดือดใส่ผักที่เตรียมไว้ พอผักสุก ใส่พริกแกงแล้วปรุงส ชิมรสออกเผ็ดร้อนนิด ๆ เค็มนำ หวานตาม แต่อย่าให้หวานมาก เพราะน้ำผักก็หวานแล้ว (ตามลำดับผักสุกยาก-ง่าย / 3. พอน้ำแกงดือดอีกที ใส่ของสดทุกอย่าง แล้วใส่ใบตำลึงและใบแมงลัก คนให้เข้ากัน ตักเสิร์ฟ (แกงเลียงต้องรับประทานร้อนๆ กับข้าวสวยร้อน ๆ ถึงจะอร่อย) +++ ... ข้าวเหนียวหมูแดง เครื่องปรุง ข้าวเหนียว 3 ถ้วย/ ซีอิ๊วดำอย่างเค็ม 1/4 ถ้วย / น้ำมันงา 1 ชต. / ผักชี 2 ต้น / พริกชี้ฟ้าสีแดง-เขียว 3 เม็ด /กุนเขียง 2 คู่ +++ เครื่องผสมหมูแดง เนื้อหมูเลือกเนื้อ ๆ ไม่ติดมัน (หรือสันใน) 1/2 กก. / เหล้าจีน 1 ชต. / น้ำมันงา 2 ชช. / น้ำมันพืช 2 ชต. / น้ำตาลทราย 1.5 ชช. / เกลือ 1 ชช. / ซีอิ๊วดำ 2 ชช. / ซีอิ๊วขาว 1 ชต. / ซอสสีแดง (ห้อยสินเจียง) 1 ชต. / วิธีทำ 1.ซาวข้าวเหนียวแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน ใช้ข้าวใหม่จะหอมและนิ่ม วันรุ่งขึ้นนำไปนึ่งในหวด หรือนึ่งบนผ้าขาวบางในลังถึง / 2.เนื้อหมูล้างน้ำ หั่นเป็นชิ้นยาว ๆ กว้างประมาณ 1.5 นิ้ว แล้วผึ่งไว้ / 3.เตรียมผสมน้ำหมักหมูแดง โดยเอาทุกอย่างผสมเข้าด้วยกัน แล้วใส่ขิงแก่โขลกลงไปผสมให้เข้ากัน / 4.หมักหมูในน้ำซอสอย่างน้อย 1-2 ซม. (ไม่ใช่ 1-2 ชม.เหรอ.. wrap หน้า หมักในตู้เย็น) แล้วนำไปย่างไฟอ่อน ๆ จนหมูสุก / 5.ระหว่างย่างหมั่นตักน้ำซอสราดหมู หมูแดงจะหอมและไม่แห้ง เมื่อสุกยกลง ทิ้งไว้ให้เย็นหน่อย ค่อยหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ (หรือจะนำหมูไปอบในเตาอบก่อน และค่อยนำมาย่างให้หมูมีสีเกรียมนิดหน่อย น่ารับประทาน แต่อย่าให้ไหม้ /6.นำกุนเชียงไปปิ้งจนหอมและสุก แต่อย่าให้ไหม้ แล้วนำมาหั่นแฉลบชิ้นบาง / / 7.เวลารับประทาน ตักข้าวเหนียวใส่ชาม เอาหมุชูแดง กุนเชียง วางเรียงบนข้าวเหนียว แล้วพรมซีอิ๊วดำผสมน้ำมันงา เหยาะพิรกไทยนิดหน่อย (น่าจะมีต้นหอมซอยโรยหน้าด้วยเนอะ) / 8.หั่นพริกช้าฟ้าเขียว-แดง ใส่ 6-7 ชิ้น ประดับด้วยผักชี และรับประทานร้อน ๆ *** สมัยโบราณ เวลาจะเดินทางไปต่างจังหวัด มักนิยมเอาข้าวเหนียวหมูแดงห่อพกไปด้วย เวลาหิวก็นำมาออกรับประทานได้ทันที ผู้ใหญ่กินได้ เด็กกินดี ถ้าไม่ใช้ซอสห้อยสินเจียงในการทำสีหมูแดง ใช้ซอสมะเขือเทศเข้มข้นแทนก็ได้ +++ ... ทอดมันปลากราย ..เนื้อปลากรายขูด 300 กรัม / เกลือ 4 ชช. / น้ำตาลปี๊บ 1 ชช. / พริกไทยป่น 1/2 ชช. / ใบมะกรูดซอย 2 ใบ / ไข่ไก่ 1 ฟอง / เครื่องแกง 2 ชต. / ถั่วพู 5-6 ฝัก +++ ส่วนผสมเครื่องแกง ... พริกแห้ง /8 เม็ด/ ตะไคร้ 1 ชต./ ผิวมะกรูด 1 ชช. / หอมแดง 2 หัว / ข่า 1 ชช. / กระเทียม 10 กลีบ / รากผักชี 1 ชช. / ++ น้ำจิ้มอาจาด .. กระเทียม พริกแดงตำ 1 ชต. / น้ำส้มสายชู 2 ชต. / น้ำตาลทราย 2 ชต. / เกลือป่น 1 หยิบมือ / ถั่วลิสงคั่วบุบหยาบ 1 ชช./ แตงกวาซอย 2 ลูก / ใบผักชี .. / 1.ตำเครื่อแกงให้ละเอียดและลงตำกับเนื้อปลา โขลก ๆ ๆ ๆ ๆ จนเหนียว ยิ่งเหนียวยิ่งดี เอาน้ำเย็นลูบสาก ลูบครก ไม่ให้เนื้อปลาติด (ถ้าจะใช้ฟาดเนื้อปลากับกะละมังก็ได้ ให้ฟาดแรง ๆ จนเหนียว) / 2.เนื้อปลาเหนียวดีแล้ว ใส่ไข่ ตีให้เข้าเนื้อ / 3.ใส่ถั่วพูอ่อนซอย คลุกกับปลาตำ เติมใบมะกรูดซอย / 4.ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลปี๊บ พริกไทยป่น / 5.เทน้ำมันครึ่งกระทะ ตั้งไฟปานกลาง พอร้อน ใส่เนื้อปลาปั้นเป็นก้อนหนา 1 ซม. ทอดจนลอยขึ้นมาและเป็นสีเหลืองทอง ตักขึ้น เสิร์ฟร้อน / +++ วิธีทำน้ำจิ้ม 1.ต้มน้ำส้มสาชู น้ำตาลทราย เกลือ กระเทียม และพริกแดงตำ พักไว้ให้เย็น / 2.ก่อนจะรับปทานค่อยนำมาราดแตงกวา โรยถั่วลิสง ประดับผักชี (อย่าดองน้ำจิ้มไว้นาน จะไม่อร่อย). / 3.ปรุงให้รสเปรี้ยวสูสีกับหวาน เค็มตาม .. ถ้าทออดมัน ต้องทำด้วยปลากรายหรือปลาสลาด (ปลาฉลาด )เพราะเป็นเนื้อปลาที่รสดีมาก โดยเฉพาะทำทอดมันกินเวิเศษที่สุด เนื้อปลาอื่นไม่ดีเท่า และต้องใช้ถั่วพู เพราะถั่วพูกรอบกว่าถั่วฝักยาว สมัยโบราณนั้น ทอดมันชิ้นหนึ่งต้องหนาไมต่ำกว่า 1 ซม. และเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว จึงจะถูกลักษณะของ ทอดมันมาตรฐาน +++ **** +++---- น้ำพริกกุ้งเผาตะลิงปลิง / กุ้งชีแฮ้ 100 กรัม / กะปิ 1 ชต./ กระเทียมเล็ก 6-8 กลีบ / พริกขี้หนูสวนเขียว แดง 6 เม็ด / ตะลิงปลิงซอย 1 ลูก / มะอึกซอย 1 ลูก / น้ำตาลปี๊บ 3/4 ชต. / น้ำมะนาว 1.5 ชต. / น้ำปลา 1 ชต. +++ วิธีทำ 1.เผากุ้งให้พอสุก (โยนกุ้งบนหน้าถ่าน ไม่ย่างบนตะกแกรง ) ไฟแรง แต่อย่าแห้ง แกะเปลือกออก และใช้ส้อมฉีกเนื้อกุ้งเป็นชิ้นเล็ก ๆ /2.กะปิห่อใบตองเผาไฟให้หอม / 3.โขลกกระเทียม พริกชี้ฟ้าเผา กับกะปิ ให้ละเอียด / 4.ใส่พริกขี้หนูบุบพอแตก ใส่กุ้งลงโขลก พร้อมทั้งตะลิงปลิงและมะอึกซอย / 5.ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ / 6.รับประทานกับผักชุบไข่ทอดได้ทุกชนิด เช่น ชะอม มะเขือยาว ถั่วฝักยาว ดอกแค และผักสดต่าง ๆ แนมด้วยปลาทูทอดเหมือนน้ำพริกกะปิ ... การเผากุ้งจะให้กลิ่นหอมและมีรสหวาน ที่สำคัญคือต้องเลือกุ้งที่สด ๆ คือกุ้งที่ตัวใส ไม่ขุ่น และหัวติดกับตัวสนิท */ ** น้ำพริกมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก ในขบวนอาหารไทยด้วยกันแล้วน้ำพริกเหนือกว่าอาหารชนิดไหนหมด ไหนจะได้กินปลา ไหนจะได้กินผัก ส่วนประกอบอื่น ๆ ในกระบวนการน้ำพริกทำให้คนไทยมีสุขภาพดี อยู่ได้ ไม่เป็นโรคขาดอาหาร +++ **** น้ำพริกมะขามอ่อน / มะขามอ่อนหั่นเล็ก ๆ 2 ขีด / กะปิเผาไฟพอหอม 2 ชต. / กระเทียมเล็กปอกเปลือก 2 หัว / หอมเล็ก 5 หัว / พริกขี้หนูสวนเด็ดก้าน 50 เม็ด / น้ำตาลปี๊บ 4 ชต. / น้ำปลา 2 ชต. / หมูสับ 50 กรัม / น้ำมันพืช 5 ชต. / *** วิธีทำ .1.โขลกกะปิกับกระเทียมให้ละเอียด ใส่มะขามโขลกรวมกัน /2.ใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำพริกลงผัด ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ใส่หมูสับ ผัดจนหมูสกุ ใส่พริกขี้หนูสวน / 3.ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา ชิมรสให้มี 3 รส..คือ เปรี้ยว ตามด้วยเค็มและหวาน / 4.ตักใส่ถ้วย รับประทานกับผักสด เช่น แตงกวา มะเขือ ถั่วฝักยา สายบัวและปลาสลิดทอด ++*** น้ำพริกมะขามอ่อน สามารถเก็บในขวดโหลแช่ตู้เย็นไว้รับประทานได้นาน ถ้าจะรับประทานกับข้าวเหนียวก็อร่อยดี ....+++---- น้ำพริกขี้กา / ปลาช่อนหรือปลาดุกย่างตัวเล็ก แกะก้าง 1 ตัว / เนื้อปลาร้าปลาช่อนสับ ห่อใบตองปิ้งไฟ 1 ชต. / หอมเล็กเผา 10 หัว / กระเทียมเผา 10 กลีบใหญ่ / พริกเขียว แดง เหลือง ปิ้ง 15 เม็ด / มะกอกไทยแกะเนื้อ 1 ผล / มะเขือเทศสีดาเผา 3 ลูก / น้ำมะนาว 1 ชต. / น้ำปลาดี (แล้วแต่ความเค็มของปลาร้า) 1-2 ชต. / น้ำตาลปี๊บเล็กน้อย //// +++*** วิธีทำ 1.ปอกเปลือกหอมเล็กเผา กระเทียมเผา และพริกเผา แล้วนำมาโขลกหยาบ ๆ เข้าด้วยกัน (ถ้าไม่ต้องการรสเผ็ดมาก ให้แกะเมล็ดพริกออกบ้าง) / 2.ใส่เนื้อปลาช่อนหรือปลาดุกย่าง และปลาร้าสับ คลุกให้เข้ากัน / 3.ใส่มะเขือเทศและมะกอกลงไป / 4.ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และเหยาะน้ำตาลลงเล็กน้อย จะทำให้รสกลมกล่อมขึ้น /5.รับปะทานพร้อมกับผักสด เช่น ถั่วพู ถั่วฝักยาว ยอดกระถิน ฝักกระถิน และมะเขือเปราะ ยอดผักบุ้ง และแนมด้วยปลาช่อนฟู ปลาช่อนแดดเดียวหรือไข่ต้มยางมะตูม +++ +++ คนไทยขาดน้ำพริกไม่ได้ ถึงแม้จะเดินทางไปต่างประเทศอย่างไร เสน่ห์น้ำพริกก็มีอานุภาพ ทำให้อดคิดถึงเมืองไทยไม่ได้ คนไทยที่ปลอดจากโรคขาดอาหารได้เป็นส่วนมากก็เพราะน้ำน้ำพริกนี่แหละ..***... +++***... ปลาร้าสับ / ปลาร้าปลาช่อนสับ 1/2 ถ้วย / หอมเล็ก 1/2 ถ้วย / กระชาย 1/2 ถ้วย / ข่า 1/3 ถ้วย / ตะไคร้ 1/3 ถ้วย / พริกขี้หนูสวน 20 เม็ด / ใบสะระแหน่ 4 กิ่ง / ผักชีฝรั่งหั่นฝอย 5 ใบ / ใบมะกรูดหั่นฝอย 5 ใบ / น้ำมะกรูด 1 ชต. / มะขามเปียก 1 ฝัก /// ** วิธีทำ 1.นำปลาร้าปลาช่อนแล่เอาแต่เนื้อ แล้วสับ ๆ ๆ ๆ กับมะขามเปียก (เนื้อมะขามเปียก เอาเมล็ดออก) และผักเครื่องปรุงสารพัดที่มีกลิ่นดับคาวปลาร้า / 2.ผักชีฝรั่ง ใบมะกรูด ใบสะระแหน่ หั่นฝอยผสมลงคลุกลงไปด้วย บางส่วนที่เหลือเก็บไว้โรยหน้า / 3.ปรงุรสด้วยพริกขี้หนูหั่นฝอย มากน้อยตามใจชอบ และน้ำมะกรูด / 4.ปลาร้าสับและเครื่องปรุงนำมาห่อใบตอง เอาไม้กลัดกลัด ปิ้งไฟอ่อนจนใบตองเกรียม ปลาร้าสับจะเพิ่มความหอมยิ่งขึ้น / 5.โรยผักที่เตรียมไว้ แต่งหน้าด้วพยริกขี้หนูเม็ดเล็ก ๆ และรับประทานกับผักดิบ เช่น ถั่วพู กระถิน ยอดผักบุ้ง มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว ///// +++ "ปลาร้าสับ อาหารพื้นบ้านของไทยภาคอีสาน เรียกน้ำย่อยได้อย่างวิเศษสุด แต่อย่าลืมพัฒนานำไปห่อใบตองปิ้งไฟ นอกจากรับประทนได้สนิทปากแล้ว ยังอร่อยกว่ารับประทานดิบ ๆ อีกด้วย เพราะหอมใบหตองที่ห่อ และรสกลมกล่อม อร่อยกว่ากินแบบเก่า... ...+++++ หลนเต้าเจี้ยว/ .. เต้าเจี้ยวขาว (ถั่วเหลืองหมักเกลือสีขาว สีไม่เข้มเหมือนเต้าเจี้ยวธรรมดา) 4 ชต. / มะพร้าว (คั้นน้ำกะทิให้ได้ 1 ถ้วย) 300 กรัม / กุ้งสด(กุ้งนางสับปนหมูสับ) หรือหมูสับ 4 ชต. / หอมเล็ก 4 หัว / (โขลกกับเต้าเจี้ยวขาว 2 หัว / ซอยละเอียดตามยาว 2 หัว) / พริกชี้ฟ้า (หรือพริกหยวกทั้งเม็ด) 5 เม็ด / น้ำตาลปี๊บ 3 ชต. / น้ำส้มมะขาม 3 ชต. / เกลือ (ถ้าเต้าเจี้ยวไม่เค็มมาก) *** 1.เอาเต้าเจี้ยวขาวโขลกกับหอมเล็ก 2 หัวให้จวนละเอียด / 2.ตั้งน้ำกะทิ พอเดือดเอาเต้าจี้ยวกับหอมเล็กซอยลงละลาย และใส่กุ้งนางสับปนกับหมูสับ / / 3.เคี่ยวไฟปานกลางจนกะทิแตกมัน (บางตำราบอก ไม่เอาแตกมัน คนตลอดเวลาจะไม่แตกมัน) ระวังก้นหม้อไหม้ พริกหยวกหรือพริกชี้ฟาทั้งเม็ดใส่ลงไป / 4. ปรุงรสให้เค็ม หวาน เปรี้ยวรั้งท้ายด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำส้มมะขาม รับประทานกับปลาฟูหรือปลาช่อนทอดชิ้นโต ๆ และผักดิบ เช่น ยอดมะกอกไทย ยอดกมะกอกฝรั่ง ยอดมะม่วงเปรี้ยว ใบแต้ว ใบชมพู่สาแหรก ผักชี ต้นหอม แตงกวา มะเขือ *** ปลาฟูนั้นทำจากปลาได้หลายชนิด ประเภทปลาเนื้อหยาบ เช่น ปลาช่อน ปลาดุก หรือปลาสำลีก็ได้จ้ะ สำคัญที่เอาปลามานึ่งให้ร้อน และขูดเนื้อขณะยังร้อนอยู่ด้วยส้อม แกะแต่หนังด้านบนแล้วเอาก้างกลางออก เอาส้อมเขี่ยตะกุย ๆ เบา ๆ ขณะร้อนๆ โดยที่ให้หนังติดกับปลา ผึ่งไว้ให้หมาด จึงนำไปทอดในน้ำมันร้อน พอเหลืองตักขึ้นใส่จาน**------ +++....... ปูเค็มต้มกะทิ .. ปูแป้นเค็ม 5 ตัว / มะพร้าวขูด 300 กรัม / หอมเล็กซอย 5 หัว / หมูบด 60 กรัม / พริกชี้ฟ้าเขียว 4 เม็ด / น้ำตาลปีบ 1 ชต. / เกลือ 1/2 ชช. / น้ำส้มมะขามข้น 1 ชต. / --- 1.ลวกปูในน้ำเดือดแล้วตักขี้น แกะเอากระดองและนมปูออก ตัดปลายขาปูออกและสับเป็นชิ้นพอคำ / 2.คั้นมะพร้าวในน้ำสุก 1.5 ถ้วย ให้ได้กะทิ 2 ถว้ย ตั้งไฟ พอกะทิร้อนใส่หมูบดลงไปละลาย / 3.ปรุงรสให้จัด มีรสเค็มหวาน ตามด้วยเปรี้ยวนิดหน่อย / 4.ใส่ปู หอมเล็ก และพริกชี้ฟ้าลงไปในหม้อกะทิ เคี่ยวต่อไปสักครู่จนพริกสุก ตักเสิร์ฟ / 5.รับประทานกับผัดสด เช่น ผักชี ถั่วพู ขมิ้นขาว แตงกวา มะเขือ ถั่วฝักยาว/ +++.... ปลาส้มปลาตะเพียน / ส้มฟัก ต่อปลาตะเพียน 1 ตัว / เกลือ 2 ชต./ กระเทียมสับ 5-6 กลีบ / ข้าวเหนียวนึ่งเท่าลูกส้มเขียวหวาน ... --- เครื่องเคียง .. ขิงอ่อนซอย / พริกขี้หนูสวน / ผักชี / ต้นหอม / มะนาว / ถั่วลิสงทอด / *** 1. 1.นำปลาตะเพียนมาผ่าท้องล้างน้ำ ขอดเกล็ด ผึ่งลมไว้ให้หมาด / 2.เอาเครื่องปรุงส้มฟักหรือปลาส้มคลุกเคล้าให้ทั่ว ยัดใส่ในท้องปลาด้วย และโปะบนโปะล่างให้คลุมปลาจนทั่ว ใส่ปวดขวดปิดฝาให้สนิท หมักไว้ 3-4 คืนจนรปรี้ยว / 3. นำมาทอดในน้ำมัน ไฟอ่อน ๆ จนสุก หรือจะห่อใบตองย่างก็ได้ / 4.เสิร์ฟกับต้นหอม ผักชี ขิงอ่อน พริกขี้หนู ถั่วลิสงทอด และข้าวร้อน ๆ **- คนไทยทุกภาคชอบรับประทานปลาส้ม เพราะเป็นอาหารที่ถูกปากมาก ขอเพียงอย่ากินดิบ ๆ ต้องทอดให้สุกเสียก่อนเพื่อฆ่าพยาธิตัวจี๊ด.... +++***------- ดองผักจิ้มน้ำพริก /... น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย / น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย / เกลือ 1 ชช. / น้ำมะนาว / *** 1.ผักที่จะดองนั้นมีหลายชนิด เช่น ขิงอ่อน ยอดผักยุ้ง ถั่วงอก ยอดมะพร้าว หอมเล็ก / 2.สลักขิงและยอดมะพร้าวให้สวยงาม ล้างน้ำ ผึ่งกระชอนไว้ให้แห้ง /- ขิง เอาน้ำมะนาวบีบใส่ขิง หรือชุบน้ำมะนาวเพื่อให้เกิดสีชมพูสวยงาม / ยอดมะพร้าว ..ก็จุ่มน้ำมะนาวแก้สีคล้ำด้วย จะสวยสะอาดตา แล้วเรียงผักทับแบน ๆ ในขวดโหล / ยอดผักบุ้ง ล้างน้ำและซอยแฉลบยาว 4 ซม. / / ถั่วงอก เด็ดหาง ล้างน้ำ ผึ่งใส่กระชอน / หอมเล็ก ปอกเปลือก ตัดราก ล้างให้สะอาด / 3.เอาน้ำส้มสายชูปรุงกับน้ำตาลทราย ให้รสเปรี้ยวนำ เกลือนิดหน่อย ปรุงได้ที่ ตั้งไฟให้เดือดและยกลง พอเย็นสนิทแล้วจึงใส่โหล ดองขิง ยอดมะพรร้ว และหอมเล็ก (ทิ้งไว้ 1-2 วันก็รับประทานได้) ส่วนผักบุ้งกับถั่วงอกนั้น เอาน้ำส้มปรุง อุ่นราดลงไปให้ผักตายนึ่ง แล้วกินได้ทันที .... +++**-- / +++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น