แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่มีทุน คุณนายวิภา จงมีความสุข เขาบังคับให้เป็นทาสขายโชห่วยให้เขาวีนละ 200 บาทเพื่อเฝ้าสมบัติ ..ไม่ให้ใครมาด่า..ส่วนลูกชาย (เทวดา) 2 คน ส่งขึ้นไปสวรรค์ครอบครองสมบัติ มรดก ของพ่อ ที่ปู่ยา อากง อาม่า สร้างมา เป็นของพวกนั้นหมด คุณนายวิภาพูด "เตี่ยเอ็งไม่ได้ยกสมบติ มรดกอะไรให้เอ็งแม้แต่ชิ้นเดียว" มีแต่พูด กว่าจะกระเด็นออกมาได้ ก็ผ่านไปเป็นเดือนเดือน..คุณนายวิภา "มึงจะเอามั้ย เงินในบัญชีเตี่ยเอ็ง 7,000 น่ะ" "ไม่เอาก็ต้องเอา ในเมื่อคุณนายวิภาพูดว่าพ่อไม่ได้ยกสมบัติ มรดกอะไรให้เราแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ขอยืมเงิน 7,000 บาทก่อน" / คุณนายวิภา ให้ยืมแต่โดยดี มีข้อแม้.. เอาบัตรประชาชนมา จะไปถ่ายเอกสาร 5 ชุด (พูดเท่านี้) เดี๋ยวจะไปโอนที่ เอ็งต้องไปด้วย...สุดท้าย เราต้องยอมเซ็น "ไม่ขอรับมรดก" ให้สุชาติ สุพรรณโกมุท จำนวน 4 ชุด เซ็นปิดบัญชีพ่อ อีก 1 ชุด เพื่อเงิน 7,000 บาท.. คิดว่าเป็นพี่น้องกันเขาคงแบ่งเงินสดให้เราทำทุนไปทำมาหากินบ้าง แต่ก็เปล่าเลย..3 คนแม่ลูก มีแต่รวมหัวกันด่า.."ให้มันทำมั่ง" (ทั้งที่เราช่วยพ่อแม่ทำมาหากินตั้งแต่เด็ก ตื่นตี3 นั่งรถไปตลาดวงเวียนใหญ่ตลาดสามย่าน ไม่เคยบ่น ไม่เคยปฏิเสธ ไม่เคยไม่สบาย แล้วไม่ไป) คุณนายวิภาไม่เคยพูดไม่เคยบอก ว่าไปเซ็น "ไม่ขอรับมรดก" พอถึงสำนักงานที่ดิน สุชาติ สุพรรณโกมุท (ผู้จัดการกองมรดก) เรียกให้ไปเซ็น ถึงได้รู้..ก็มีน้ำใจให้มันนะ จะโวยวายไม่เซ็น ไม่ยอม ก็คิดว่า "ช่างมัน" ไม่อยากให้พวกมันอับอายชาวบ้าน... ที่ไหนได้ มันฮุบกันไปหมด เพียงแค่อ้างคำว่า "พ่อไม่ได้ยกสมบติ มรดกอะไรให้เราแม้แต่ชิ้นเดียว" แม่วิภา ก็ให้ท้าย จะให้เราขายโชห่วยให้ตาย..ขู่อีก "ถ้าที่นี่กรมธนารักษ์เอาคืน มึงจะไม่มีกิน "เคยถาม "แล้วถ้าที่นี่ไล่ที่แล้ว เราจะไปอยู่ที่ไหน ทำมาหากินอะไร" ไม่มีคำตอบ.. ร้าน 7-11 108 Family Tops Foodland เขาขายโชห่วย มีแต่คนซื้อร้านห้องแอร์ที่พูดจากับลูกค้าดีดี ..บริการดีดี จะมีใครมาซื้อโชห่วยที่ร้านผัก ที่แม่ค้าปากจัด ชอบบ่นด่า ลูกค้า..โดยเฉพาะลูกสาว (คนเดียว) ของตัวเองที่ช่วยขายของ ยืนขายกับเขาตั้งแต่เปิดร้าน คนเป็นแม่จิกด่า ทั้ง ๆ ที่เราก็ทำงาน..น้องชายคนเล็ก "เปสเช่" ไม่เคยเลย แม้แต่จะล้างชามใบเดียว ลูกชายคนโต "สุชาติ สุพรรณโกมุท" ก็หนี ทิ้งให้แม่ไปซื้อของที่ตลาดวงเวียนใหญ่คนเดียว เดินคนเดียว พกเงินสด ไปขึ้นสามล้อไปตลาดคนเดียว แม่ก็ยังให้เงินเขาในทำทุนทำมาหากิน ซื้อ ตุ๊กตาตัวต่อ พวก model ไปขาย..คนมันไม่เคยขายของ(ตั้งแต่เด็ก) เกโรงเรียน ถูกส่งไปอยู่กับญาตที่ดาวคะนอง สุดท้ายส่งไปอยู่โรงเรียนประจำที่ศรีราชา โรงเรียนดาราสมุทร ทำมาค้าขายอะไรก็ไม่เป็น..คุณนายวิภา ยังเคยพูดเลย "มันขายของไม่ได้หรอก" ..ให้ลูกชายเขา 2 คนไปจนหมด..เป็นไปได้เหรอ ที่พวกมันพูด "ป๊ารักไอ้ปูมันคนเดียว" ทุกวัน ทุกคน ลูกค้าทุกคนเขาก็เห็น ไม่ว่าจะเป็น ป้าคนผอม ๆ ป้าคนที่ทำงาน ผมหยักศก 2 เจ้านี้มาเช้ากว่าเพื่อน พี่ป้อมเมียพี่ปื๊ด มาสายนิดนึง บางทีก็ให้ลูกน้องมาซื้อ..หมะขายกาแฟน แม่เฮียย้ง..คุณนายวิภา พูดมาได้ "ไปถามทั้งซอยพิพัฒน์ 2 ได้เลย ว่าใครทำ...กูทำคนเดียว" ไอ้เราคงเป็นหมามั้ง ยืนขายยืนหยิบทุกอย่าง ข้างเขา.. โอนบ้านดินแดงให้ พอเราทำท่าเหมือนจะขาย..เพราะไอ้สุชาติ สุพรรณโกมุท มันทำเลวกับเราก่อน.. คุณนายวิภา ผ่าเข่าเสร็จ ให้เราเป็นคนพาไปโรงพยาบาลตำรวจ ไปเยี่ยมไปเฝ้าตามเวลาของโรงพยาบาลทุกวัน.. ส่วนลูกชาย 2 คนก็เป็นลูกเทวดา อยู่บ้านทำมาหากิน ได้เงินได้ทอง แต่เราเอาเงินเขาไปใช้ซื้อเครื่องดูดฝุ่น หลายพัน เขาด่า..
*
คนทำงานขนาดนี้ โดนด่า สมัยโน้นมีห้างโรบินสัน สีลม ห้างเปิดใหม่ เราชอบไปเดินกินแอร์ สัก 1 ชั่วโมง ซื้อของบ้างเล็กน้อย (ไม่ได้มีสตางค์เยอะแยะ) แม่ก็ชอบด่า "เข้าห้าง ออกแห้ง" หมายถึงเข้าห้าง ซื้อของเงินแห้งจากกระเป๋าสตางค์ ลูกชายเขา 2 คน เท่าที่จำได้ ไม่เคยได้ยินถูกแม่ด่าอะไรเลย แม้แต่คำเดียว..มีแต่ให้ทุน ให้กำลังใจ ให้การส่งเสริมทุกอย่าง ให้เรียนทำเรือไฟเบอร์กลาส เรียนทำเครื่องบินวิทยุบังคับ เรียนทำ silk screen สุชาติ อยากทำอะไรให้หมด แม้แต่มอเตอร์ไซค์ Kawasaki เสร็จแล้วก็เทิร์นอีกหลายคัน ลูกชายคนเล็กเรียนแถวสวนพลูเหมือนกัน ได้มอเตอร์ไซค์ขี่ไปโรงเรียนบพิตรพิมุข ส่วนเราเรียน เอี่ยมลออ ขึ้นรถสองแถวไป บางทีก็เดินไป..จากซอยพิพัฒน์ 2 ถึงโรงเรียน ส่วนขากลับ ถึงแม้จะบ่าย2-3 ก็เดินกลับ บางวันกลับค่ำไม่ร้อน ก็ยังเดินกลับ... เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทย ทั้งกระเป๋าหิ้ว ทั้งเครื่องใหญ่ที่ใช้แบบในโรงเรียนพาณิชยการสีลม เขาซื้อให้เราใช้โดยที่เราไม่เคยขอ.. แต่พอเลิกใช้ เขาก็ขายให้คนเช่าบ้านไปทั้ง 2 เครื่อง เราก็ไม่เคยขอเงินว่านั้นเป็นของเรา เงินที่ได้ก็ต้องให้เรา..ไม่เคย แต่มอเตอร์ไซค์ของสุชาติ เทิร์นแล้วเทิร์นอีก สมบัติก็เป็นของเขา..มอเตอร์ไซค์ก็เป็นสมบัติของเขา..
*
*
คนทำงานขนาดนี้ โดนด่า สมัยโน้นมีห้างโรบินสัน สีลม ห้างเปิดใหม่ เราชอบไปเดินกินแอร์ สัก 1 ชั่วโมง ซื้อของบ้างเล็กน้อย (ไม่ได้มีสตางค์เยอะแยะ) แม่ก็ชอบด่า "เข้าห้าง ออกแห้ง" หมายถึงเข้าห้าง ซื้อของเงินแห้งจากกระเป๋าสตางค์ ลูกชายเขา 2 คน เท่าที่จำได้ ไม่เคยได้ยินถูกแม่ด่าอะไรเลย แม้แต่คำเดียว..มีแต่ให้ทุน ให้กำลังใจ ให้การส่งเสริมทุกอย่าง ให้เรียนทำเรือไฟเบอร์กลาส เรียนทำเครื่องบินวิทยุบังคับ เรียนทำ silk screen สุชาติ อยากทำอะไรให้หมด แม้แต่มอเตอร์ไซค์ Kawasaki เสร็จแล้วก็เทิร์นอีกหลายคัน ลูกชายคนเล็กเรียนแถวสวนพลูเหมือนกัน ได้มอเตอร์ไซค์ขี่ไปโรงเรียนบพิตรพิมุข ส่วนเราเรียน เอี่ยมลออ ขึ้นรถสองแถวไป บางทีก็เดินไป..จากซอยพิพัฒน์ 2 ถึงโรงเรียน ส่วนขากลับ ถึงแม้จะบ่าย2-3 ก็เดินกลับ บางวันกลับค่ำไม่ร้อน ก็ยังเดินกลับ... เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทย ทั้งกระเป๋าหิ้ว ทั้งเครื่องใหญ่ที่ใช้แบบในโรงเรียนพาณิชยการสีลม เขาซื้อให้เราใช้โดยที่เราไม่เคยขอ.. แต่พอเลิกใช้ เขาก็ขายให้คนเช่าบ้านไปทั้ง 2 เครื่อง เราก็ไม่เคยขอเงินว่านั้นเป็นของเรา เงินที่ได้ก็ต้องให้เรา..ไม่เคย แต่มอเตอร์ไซค์ของสุชาติ เทิร์นแล้วเทิร์นอีก สมบัติก็เป็นของเขา..มอเตอร์ไซค์ก็เป็นสมบัติของเขา..
*
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น