วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

30 เมย.54 รู้ผลแพ้ทุกประตู

ปั่นหมวกรีบถักเสร็จเกือบบ่ายโมง ยืมเงินโน่100 โน่บอกไม่มี (ได้ยินIPopพูดเสียงดัง "เข้าใจรึเปล่า" แต่เราเข้าใจว่ามันคงสั่งไม่ให้ยืมเงิน ทั้งที่วันนี้มันเอาเงินมาให้ โน่บอก ป๊าให้แค่ค่าชุด...จำไม่ได้แล้ว) ก็นั่งรถเมล์ฟรีสาย13ลงสวนลุม เดินไปหลังแบงค์กรุงเทพ

ซาโกวบอก "แกขายของชำน่ะดีแล้ว ชั้นคุยกับแม่แกแล้ว หมวกพวกนี้ต้องขายหน้าหนาว ถ้าแกมีเงินก็ถักไว้ขายหน้าหนาวสิ ถักไปให้โซ่ยเจ็กสิ เขาจะกลับอเมริกาแล้ว" โซ่ยโกวบอก "นี่ก็ลดค่าเช่าให้เขาไปตั้งเยอะๆๆๆๆ"

ขอยืม 2,000 "ชั้นไม่มีหรอก/นี่ก็ลดค่าเช่าให้เขาไปตั้งเยอะ"
"งั้นไม่เป็นไรค่ะ กลับแล้ว"
"เออเออ"  เดินมาถึงประตูเหล็ก ปิดประตูลงทันที...

ซาโกวบอก "ไปยืมแม่แก ขายของน่ะดีแล้ว อย่างน้อยก็ได้ทำกิน แม่แกบอก ขายได้เท่าไหร่ กำไรก็แบ่งกัน แกขายของชำไป พอว่างนั่งถักไปด้วยก็ได้นี่"
ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปโดดสะพานลอยกะตาย ให้ขายโชห่วยน่ะเหรอ เค้ายอมตาย
****

เดินกลับไปบ้านคุณนายวิภา ดุ่ย ๆ เข้าไป หาเชือกไนล่อน 5mm. ได้มา6 เส้น (น่าจะรับน้ำหนักเกือบ80โลได้)..ไม่สนใจ ไม่ขอเงิน ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ได้เชือกแล้วเดินออกจากบ้านไปเลย

คุณนายวิภา  "เฮ้ย ๆ จะเอาเชือกไปทำอะไร" เดินดุ่ยไม่สนใจ จะเอาไปทำอะไร เอาไปกินมั้ง

ก็พอสตางค์หมด ไม่มีข้าวกินเมื่อไหร่ ก็ผูกคอตายเมื่อนั้น ..แต่ก็อย่างว่าแหละ จะตายเขาก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก ยังไงซะก็ต้องไปขายโชห่วยอยู่ดี มันไม่มีทางไป มันไม่มีใครช่วยหรอก...

เสียใจด้วยนะ มึงรู้จักกูน้อยไปซะแล้ว ....ถ้าอยู่แบบมีลมหายใจไปวันๆ ..แลกกับมีข้าวกินไปวันๆ ..อยู่หรือตายมีค่าเท่ากัน... ข้าวกินได้ ศักดิ์ศรีกินไม่ได้..แต่เราก็เลือกที่จะตายอย่างมีศักดิ์ศรี ดีกว่าเป็นทาส ให้เขาหลอกใช้ให้เฝ้าสมบัติ แล้วลูกชายเขาไปเสวยสุข กับมรดก บ้านและที่ดิน

หลายวันก่อนเห็นจดหมายจากสำนักงานที่ดินเขตหนองจอก เป็นปึกหน้าห้อง IPop วันก่อนมีมากอีก1 ฉบับ ใจความ "ตามที่ได้ยื่นเรื่องโอนที่ดิน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2554 ....ให้ไปดำเนินการภายใน 30 วันนับจากวันได้รับจดหมายนี้"...หึหึ ป่านนี้เขาก็โอนก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว จำไว้เราได้เงินสด 2,000 ทีวี1เครื่อง เครื่องเล่นDVD 1 เครื่อง

***********

เมื่อวานไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้าถึง6โมงเย็น นั่งรอรถเมล์ฟรีสาย77 ลงหน้าโรงแรมเซ็นจูรี่
ได้น้ำจาก รพ.กรุงเทพคริสเตียน 1 แก้ว รองท้องไปก่อน (ไอ้เราก็เซ่อเห็นไม่มีแกลลอนน้ำคิดว่าไม่มี แต่มีแก้วกระดาษ มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งหยิบแก้วกระดาษกดน้ำ ..เหอะๆหายโง่เลยเรา อุตส่าห์กรอกน้ำประปากะกินเต็มที่เลย"

แล้วทำไง เอาขวดน้ำดื่มที่ตอนแรกตั้งใจจะให้รถขนขยะ แต่ตอนนี้ไม่มีเงินกินข้าว
ก็ต้องเอาไปขายก่อน ได้สตางค์มา 16 บาท แปลกนะ กลับไม่หิวเอาเสียเลย กินน้ำแข็งที่ค่อย ๆ ละลายเป็นน้ำเย็นประทังไป...ดึกแล้ว กินปลากระป๋องปุ้มปุ้ย (กระป๋องสุดท้าย แบบฝาดึง) 15 บาท

วันที่ 1 พค.54  เช้านี้ ขนกล่องพลาสติกทุกใบที่ IPop มันว่าเกะกะ เอาไปขาย หม้อหุงข้าวไฟฟ้า กระทะไฟฟ้า ถ้วยพลาสติก ทัพเพอร์แวร์ของแท้ดี3ใบ ถาดอลูมิเนียม หม้ออลูมิเนียม  (เออ ไม่ตายหาใหม่ได้)
โทรทัศน์ของป๊าตอนนั้นที่เอามา แล้วช็อต เครื่องเล่น DVD ถือเป็นมรดกชิ้นสำคัญ ช่วยประทังชีวิตไปได้อีก1-2วัน ได้สตางค์190บาท

ต่อไปก็ไม่มีอะไรจะขาย เพื่อยาไส้อีกแล้ว...

รับรองได้ใช้แน่ เชือก6เส้น

ซาโกวบอก "แม่แกขายผักคนเดียว" แต่ที่ไปเห็น "ยายป้อม ช่วยขายด้วย" จ้างเขาแต่ก็ใช้เขาแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น (เล็กบอกตอนโน้น เอายายป้อมไปดูเตี่ยเอ็ง ก็ใช้งานเขาหัวไม่วางหางไม่เว้น"

"ว่าง ๆ ตักข้าว5โลซิ" ทำไมต้องใช้คำว่าว่างๆ ก็จะตักอยู่แล้ว ของเคยทำ ไม่ใช่ไม่เคย

ตอนเล็ก ๆ (พ่อหนีเที่ยวหญิงมั้ง) ก็ไปนั่งเฝ้าผักที่ตลาดคลองเตย นั่งยอง ๆ กับขนมลูกชุบ 1 กล่อง ปั้นเป็นรูปพริกชี้ฟ้าเขียวแดง แม่ซื้อให้ เราก็นั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย ซื้อผักเสร็จ ก็เอาขึ้นสามล้อกลับมาขาย

เรียนพาณิชย์ เช้าก็ช่วยขึ้นผัก ไม่เคยเห็นลูกชายคนเล็กทำเลย
ถ้าวันหยุด เราก็ช่วยหยิบของ หยิบไข่ใส่ถุง หยิบถั่วงอก หยิบขนมจีนแป้งหมักใส่ถุง ก็ทำนะ
แต่ปัจจุบัน ลูกชายคนโต เขาทำมากกว่า เขาเหนื่อย ไอ้เราเกิดปีแพ เลยเป็นแพะรับบาป ข้อหา
ไม่ทำงาน ไม่ทำมาหากิน... ซวยโคตะระ

น้ำตาลทรายตักจนหมดโอ่งก็ทำมาแล้ว
หน้าบ้านก็กวาดจนไม่เหลือใบผักเศษนิดนึงก็ไม่เหลือ
ทุกคืนต้องล้างชาม ถาดกะละมังใส่ไก่ ใส่ปลา บางคืนขี้เกียจ หลับ เช้าก็เหม็นเน่าเลย

ลูกชายคนโตอยู่โรงเรียนประจำ ลูกชายคนเล็กไม่แตะงานอะไรเลย เออ..เราเคยบ่นมั้ย ว่ามันต้องทำมั่ง

จำได้ของที่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ก็ "ว่ายน้ำที่ YMCA อีเล็คโทนขนาด1ฟุต เครื่องเล็ก ๆ (ตอนแรกยืมของน้องข้างบ้าน) เครื่องพิมพ์ดีดโอลิมเปีย กระเป๋าหิ้ว ภาษาไทย เครื่องพิมพ์ดีดโอลิมเปียเครื่องใหญ่ เหมือนที่โรงเรียน นาฬิกา POMAR 1 เรือน หลายพันอยู่ หายไปแล้วมั้ง

แล้วคุณลูกชายทั้ง2คนล่ะ คนโตได้มอเตอร์ไซค์ Kawasaki ขี่ไปโรงเรียนช่างกล แถวกล้วยน้ำไท ต่อมาก็ turn 1 คันมั้ง ลูกชายคนเล็กได้มอเตอร์ไซค์ขี่ไปโรงเรียน บพิตภิมุข สวนพลู 1 คัน คอมพิวเตอร์1เครื่อง จำไม่ได้แล้ว ..ไม่เคยบ่นว่าอยากได้มั่ง ไปเรียนก็เดินไป สวนพลูแค่นี้เอง เอี่ยมลออ..เดินกลับ

ความจำสั้น ...แต่รักฉัน (สั้นกว่า)
จบดีกว่า ว่าจะไม่พูดแล้วเชียว ...แต่ชั่งมันเถอะ ความจริงก็คือความจริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น