*อยู่อัญชณาแมนชั่น ครบ 3 เดือน แล้ว ...ค่ามัดจำห้อง 2,400 ค่าคีย์การ์ด 200 รวมเป็น 2,600 น่าจะพอเคลีย์ค่าเช่าห้องเดือนนี้...ส่วนค่าน้ำ ค่าไฟ เดี๋ยวจะทิ้งเบอร์โทร. ให้โทร.ไปทวงกับคุณนายวิภา หลังจากที่เราตายไปแล้ว...ก็เกือบอีก 600 บาท...เฮ้อ...จบสิ้นเสียที ชีวิตนี้...เบื่อจริง ๆ เลย...ย.. อยู่ไปก็ไร้ค่า ตายห่าก็ลืมหมด....
*
กาลครั้งหนึ่ง..
นอนห้องเก็บของหลังบ้าน คุณนายวิภา นอนห้องกลาง..คุณชาย Pop กับเมียมันนอนห้องชั้น3
แจ๋จ้างมันขับรถไปซื้อของที่ตลาดวงเวียนใหญ่ เข้าซอยสารภี3 วันละ 400 บาท (ไม่รู้รวมค่าน้ำมันรถหรือยัง)
*
หลังจากกลับจากที่ไหน..จำไม่ได้..คุณนายวิภาให้เรานอนห้องเก็บของ คณชาย Pop ตีฝ้าเพดาน ดูเหมือนใหม่ ...ให้เขาขนตู้เสื้อผ้าของเราลงจากห้องชั้น 2 ตอนนี้ Pom กับเมียอยู่ห้องนั้น..วันไหนหนวกหูหรือร้อน ก็ย้ายมานอนห้องตรงข้าม รวม 2 ห้อง
*
ที่ห้องเก็บของ คุณนายวิภาให้เงินใช้เดือนละ 2 พัน
อยู่ห้องนี้ ทำกับข้าวให้คณนายแม่กินด้วย..วันหนึ่ง ..ไอเจ็บคอ ไอหลายวันแล้ว ไอจนไม่มีเสียงออกมาเลย พูดก็ไม่มีเสียง...หลายวันแล้ว..วันนี้คงไม่รอด..ไม่รู้ทำไง...ออกจากห้องเก็บของเดินมาห้องกลาง คุณนายวิภานอนอยู่..เราโทรศัพท์บ้าน(แบบไม่มีเสียง) โทร.ให้พ่อกับแม่น้อง Poom มารับไปหาหมอที (พูดก็ไม่มีเสียง) เขาอยู่แฟลต26 เขาก็ขับรถมารับที่บ้านดินแดง พาไปหาหมอที่ รพ.รามาธิบดี ไม่มีสตางค์เลย เขาก็ออกค่ายาก ค่าหมอให้ หลายร้อยเหมือนกัน..ขากลับ ขออาศัยนอนแฟลตด้วย ไอกลัวเชื้อไปติดเขา..แต่ไม่รู้ทำไง
*
หนีไปเช่าห้อง พันสองหรือพันสาม ที่จรัลสนิทวงศ์ ซอย... ที่มีโรงแรมโรส..มีเสาตกน้ำมันด้วย
เงินไม่พอกิน ไม่พอใช้..ต้องซมซานเหมือนหมากลับมาอยู่ห้องเก็บของตามเดิม
เครียดจัด..โยนข้าวของ ด้ายหลอดทิ้งที่ประตูตรงศาลเจ้า หน้าห้องนอน(เก็บของ...ห้องนอนของเรา...ได้รับเกียรติอย่างสูงสุดจากเจ้าของบ้าน) และคุณนายวิภาก็คงมาเก็บ เราไปไหนไม่รู้...
*มีครั้งหนึ่ง ที่ไหนจำไม่ได้ คุณนายวิภาพูด จะใช้ "ด้าย" เหรอ "ไม่ต้องซื้อ..มีเยอะแยะเลย ที่บ้านโน้น"
*
ตอนเดินมาที่โทรศัพท์ คุณนายวิภาเหมือนจะลุกขึ้น แต่พอเราโทรศัพท์เสร็จ เราก็เข้าไปในห้องเก็บของแต่ตัว..เดินออกมา...แล้วก็เดินออกไป...
ไม่มีคำถาม...ไม่มีอะไร
*กินน้ำอุ่น ก็แล้ว กินยาก็แล้ว ไม่หายเสียที....หลายวันแล้ว ไม่มีเสียงเลย..สุดท้ายต้องยอมก้มหน้า หน้าด้าน ขอสตางค์คุณนายวิภา 500 ไปหาหมอที่ รพ.ตำรวจ หมอบอกคอแดงมากเลย ให้ยามากิน...ก็หมดไปเกือบ 500 (เหลือค่ารถนิดหน่อย)
*
ขอยืมเงินซื้อจักรเย็บผ้า (ไม่ให้) ขอเงินซื้อตู้เย็น (เล็ก ๆ ...หลังจากบอก "ไม่เอา" ที่เขาเอาตู้เย็นโตชิบา สีแดงให้วิ (แฟนเก่าป้อมไปใช้ที่สุราษร์ธานี เกาะ???) ไม่ให้..
*
จริงสิ เราต้องทวงค่าตู้เสื้อผ้า ตอนโน้นบอก "ม๊า ขอเงินค่าตู้เสื้อผ้าที่ยกมาจากชั้น 2"
"ไม่ให้..ทำไม เอาไว้เก็บของไม่ได้รึไง"
มีตู้ล็อคเกอร์ 3 ชั้น เกือบพันบาทอีกใบ
แต่ทวงไป เขาก็ไม่ให้หรอก เขาจะให้เราไปเป็นทาสเฝ้าสมบัติ ร้านโชห่วย...ให้เป็นทาสขายโชห่วยเฝ้าบ้านเหมือนหมา...วันละ 200 (ไม่พอกินรึไง)...ทำไมไม่ให้ลูกชายคนโตสุดที่รักขายล่ะ ได้เงินสดทุกวัน ทำไมไม่ให้ลูกชาย (ยิ่งกว่าสุดที่รัก) ขายล่ะ...อ๋อ เขาทำงานออกทีวี เดี๋ยวเขาก็จะทำหนังสือกีฬาขาย..
ทำไมไม่ให้คุณหนูหลิน (หลานนอกไส้ผู้น่าสงสารขายล่ะ) ...ไม่ได้หรอก..เขาเรียนจบปริญญาโท.. ทำงานมีเงินเดือน ขืนมาขายของที่นี่ 2 คนหลังแบงค์ก็จะมาทำร้ายคุณหนูหลินน่ะสิ..สุดท้ายกูก็เป็นหมาตัวหนึ่งที่พวกมันคิดว่า ทำมาหากินอะไรก็ไม่ได้เงิน..ให้มันมาเฝ้าร้านโชห่วยน่ะดีแล้ว..ให้ไปซื้อของ นั่งสามล้อ..
*
สรุปชีวิตกู...คนเป็นแม่ก็หลอกใช้ให้เป็นเครื่องมือไปเฝ้าผัว (ที่จดทะเบียนหย่ากันไปตั้งนานแล้ว) เพื่อเป็นหมาเฝ้า ไม่ให้อีดอก เข้ามายุ่งกับผัวเขา
ส่วนคนเป็นพ่อ..ก็จะหลอกใช้เรา เป็นไม้กันหมา...ไม่ให้เมีย (รุ่น..นางมารร้าย) เข้ามายุ่ง เกาะแกะ ตัวเองกับเมียล่าสุด...คนนั้นผลักไป..คนนี้ถึบมา..
ตาอินกับตานา..ตาอยู่..(ทำงานตั้งแต่เด็ก ๆ...ไม่ได้อะไรเลย นอกจากเงิน 14,000 ค่าเช่าบ้านเดือนละ 2 พัน ทีวีเก่าเสีย (ช็อต) ดูไม่ได้ เครื่องเล่นดีวีดี (โนเนม) เก่า ๆ 1 เครื่อง...
แต่พวกมันได้บ้านและที่ดิน ที่ดินเปล่า ค่าเช่าบ้าน กินไปตลอดชีวิตพวกมัน...
*
ไอ้ที่คุณนายวิภาจะยกที่ดิน (ไร่อ้อย) 10กว่าไร่ให้ ให้ถ่ายบัตรประชาชนไปให้..กว่าจะได้ต้องรอเขาตายก่อน จะอยู่ถึงจนได้ที่ดิน 3 แสนกว่าบาทเรอะ....ตอนนี้ไม่มีทุนทำมาหากิน...เหลือแต่ลมหายใจ...มันต้องเห็นเราตายก่อน ถึงจะมีความสุข
*
บ้านดินแดงโอนโฉนดให้แล้ว...ก็ยังใช้ไม้ค้ำ...ไปสำนักงานที่ดิน...ไปโอนโฉนดกลับคืนมา (กลัวขาย...ไม่มีมีเก็บของให้ลูกชายสุดที่รัก)...
มาวันหนึ่ง หลังจากที่ลูกชายคนโตของคุณนายวิภา รับมรดก บ้านและที่ดินไปเรียบร้อยแล้ว ค่าเช่าบ้าน (ไม่ถึง 10 ห้องนะจะบอกให้..) รายได้เปอร์เซนต์ เก็บค่าเช่าชั้น 2 ร้านขายผักที่สีลม..รายได้เปอร์เซนต์เก็บค่าเช่าที่ คอนโด รามอินทราหรือเปล่า ไม่รู้...รายได้จากตึกที่บางพลีอีก.... ฯลฯ ดูเหมือนพวกมัน จ๊น จน..เลย...
*
เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน เดี๋ยวเราก็คงจะตายห่าแล้ว
*
อยู่ครบ 3 เดือน เมื่อวันเห็นบิลค่าเช่าห้อง 2,600 ติดป้ายที่บอร์ดว่า เริ่มเพิ่มค่าเช่าอีกห้องละ 200 บาท เริ่ม 1 กันยายน 54...คุยกับน้องตึกตรงข้าม เขาก็เข้าใจเหมือนเรา "เริ่ม 1 กันยา แปลว่า เป็นค่าเช่า 1-30 กันยายน ซึ่งไปตอนสิ้นเดือนหน้า"
คุณแม่บ้านตึกอัญชณา บอก ก็เริ่ม 1 กันยายนไง คือเดือนนี้เลยไง คนอื่นเขาก็จ่ายสิ้นเดือน แต่ยืดให้ถึงวันที่ 9 เดือนนี้..."ไม่ถูกนะ" / "เอางี้ พูดไม่รู้เรื่อง ก็โทร.ไปถามเจ้าของหอเอาเองก็แล้วกัน"
*โทร.ไปแล้ว ตอบกลับ"ระบบฝากข้อความ"...ฝากข้อความแล้ว ไม่เห็นโทร.กลับมาเลย
*สงสัยจะต้องยอมเสียอีก 200 ...ก็คนไม่มีที่ไป...โดนฮุบสมบัติ ไปหมดแล้ว..ไม่สิ..เขาบอก "เตี่ยมึงเขาบอกไม่ให้อะไรมึง...แล้วมึงจะเอาอะไร..ถ้าอยากได้สมบัติก็ไปทวงเอากับอีดอกนั่นสิ สามแสนสี่แสน" คุณนายวิภา พูดทุกครั้งที่ถามถึง ว่าป๊าให้อะไร มีอะไรเหลือให้มั่ง ..."ไม่มี"
แต่ไอ้ป๊อป สุชาติ สุพรรณโกมุท ได้บ้านเช่าและที่ดิน 2 ที่ รถกระบะ 1 คัน โต๊ะสนุ๊ก อะไรอีกมั่งก็ไม่รู้ ...ป้อม ได้ทีดินเปล่า 1 แปลง
* เอาวะ ตายอย่างหมาข้างถนน...เดี๋ยวไปจำนำกล้องอีกที...กลับไปเก็บของใส่ถุงขยะให้เป็นที่เป็นทาง...เวลาตายไปแล้ว..เขาจะได้ขนไปได้ง่าย ๆ .สมบัติ ...หนังสือถัก ๆ ไหม เชือกร่มที่ซื้อมาถักกระเป๋า...คงไม่ได้ทำอะไรสักอย่างแล้ว...รอวันตาย...อย่างเดียว...กูเกิดมาทำไมวะเนี่ย...
*
วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554
27 สค.54
I Pop จากมอเตอร์ไซค์ผู้ชายคันแรก ก็ขายเปลี่ยนมาเป็นมอเตอร์ไซค์แบบธรรมดา แล้วก็เปลี่ยนเป็นอะไรอีก..รถกระบะ Toyota สีขาว ที่คุณนายวิภาซื้อไปซื้อของที่ตลาด ตอนแรกป๊าขับ ป๊าสอนมันขับรถยนต์...เงินค่าใช้จ่ายซื้อรถ เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ก็ turn ซื้อเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ให้มัน..
*
ส่วน Pom จำได้ว่าได้มอเตอร์ไซค์ คันแรก มีคันที่2หรือเปล่าจำไม่ได้ รู้แต่ว่า มอเตอร์ไซค์คันสีแดง พังและก็เก็บไว้ในบ้านดินแดง..ตอนสุดท้ายไม่เห็นแล้ว..คงจะขาย..
*
เงินที่ซื้อขายมอเตอร์ไซค์ ได้ให้ลูกชายเขาหรือเปล่า เราไม่รู้
*
เครื่องพิมพ์อีด Olympia กระเป๋าหิ้ว กับเครื่องใหญ่แบบที่ใช้ในโรงเรียน กับเครื่องพิมพ์ดีด (สีฟ้า) กระเป๋าหิ้ว (ในกระเป๋ามีซิปรูดรอบกระเป๋า) ภาษาอังกฤษ น่าจะเป็นของโซ่ยเจ็ก...เครื่องพิมพ์ดีดพวกนี้ เราก็ไม่เคยขอ ไม่เคยร้องขอให้เขาซื้อให้...ซื้อมาแล้วเราก็ไม่ค่อยได้ฝึกพิมพ์สักเท่าไหร่...หลังจากนั้นก็นานอยู่...เขาก็ขายให้ฝน ลูกน้าบัว..ได้เงินเท่าไหร่ไม่รู้...คงจะไม่สามารถยึดถือหรือตู่เอาว่าเป็นสมบัติของเราได้...เพราะขนาดตู้เย็นเขายังไม่พูดว่าเป็นของเราเลย แต่ยกให้คนอื่นไปใช้..(ใช้มา 20-30 ปีแล้ว เก่าจนเขาไม่อยากได้..เออ.ไม่อยากได้...แล้วเขาทำไมไม่บอก...ไม่เอาไปล่ะ..)
*
รอบนี้ แม้แต่เงินค่าเช่าบ้านของป๊า 2,000 ก็ยังไม่รู้ว่า เขาจะให้หรือเปล่า คนพวกนี้ขี้ฉ้อ..ตอแหละ..เชื่อถืออะไรไม่ได้...
*
อ๋อมีตอนนึง เราไปขอเงินคุณนายวิภาไปเรียน มสธ. 1,500 แต่ก็เรียนไม่ไหว อ่านหนังสือ ไม่ชอบอ่านหนังสือเรียน...และอีก1ครั้ง 1,500 ก็ให้แบบแค่น ๆ งั้น ๆ ...คงไม่เหมือนคุณหนูหลิน จากเมืองจีน..ผู้น่าสงสาร..ต้องส่งให้เรียนให้จบ เพื่อที่จะได้ไม่ถูกอาหลังแบงค์ทั้ง 2 คนรังแก..เรียนให้จบสูง ๆ ให้เขาดู..(เอาชนะเขามากกว่า) ทำงานดี ๆ ให้เขาดู...ว่าคุณหนูหลิน ดีกว่า เก่งกว่า เอาดีได้มากกว่าลูกเลี้ยงของเขา
*
วันนั้น มีเสียงผู้หญิงสูงวัยโทร.มา ถาม "ปูย้ายไปอยู่ไหน" เราไม่ค่อยได้ยิน ถามว่า "ใครคะ"
ไม่รู้ล่ะว่าจะเป็นใคร ตอนนี้ก็คือ ตัวคนเดียว ไม่สนใจ ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
กลับไปให้พวกมันด่า สมน้ำหน้า..เรอะ..มึงไม่ให้(เศษ)เงิน 2,000 ก็ชั่งแม่ง..เพราะพวกมันได้คนละล้าน สองล้าน (แต่ไม่เอามารวม) ...คุณนายวิภา กันมูลค่าทรัพย์สินส่วนนี้ออกไป ไม่ให้เห็นว่าเป็นตัวเลขเท่าไหร่...
*
*
ส่วน Pom จำได้ว่าได้มอเตอร์ไซค์ คันแรก มีคันที่2หรือเปล่าจำไม่ได้ รู้แต่ว่า มอเตอร์ไซค์คันสีแดง พังและก็เก็บไว้ในบ้านดินแดง..ตอนสุดท้ายไม่เห็นแล้ว..คงจะขาย..
*
เงินที่ซื้อขายมอเตอร์ไซค์ ได้ให้ลูกชายเขาหรือเปล่า เราไม่รู้
*
เครื่องพิมพ์อีด Olympia กระเป๋าหิ้ว กับเครื่องใหญ่แบบที่ใช้ในโรงเรียน กับเครื่องพิมพ์ดีด (สีฟ้า) กระเป๋าหิ้ว (ในกระเป๋ามีซิปรูดรอบกระเป๋า) ภาษาอังกฤษ น่าจะเป็นของโซ่ยเจ็ก...เครื่องพิมพ์ดีดพวกนี้ เราก็ไม่เคยขอ ไม่เคยร้องขอให้เขาซื้อให้...ซื้อมาแล้วเราก็ไม่ค่อยได้ฝึกพิมพ์สักเท่าไหร่...หลังจากนั้นก็นานอยู่...เขาก็ขายให้ฝน ลูกน้าบัว..ได้เงินเท่าไหร่ไม่รู้...คงจะไม่สามารถยึดถือหรือตู่เอาว่าเป็นสมบัติของเราได้...เพราะขนาดตู้เย็นเขายังไม่พูดว่าเป็นของเราเลย แต่ยกให้คนอื่นไปใช้..(ใช้มา 20-30 ปีแล้ว เก่าจนเขาไม่อยากได้..เออ.ไม่อยากได้...แล้วเขาทำไมไม่บอก...ไม่เอาไปล่ะ..)
*
รอบนี้ แม้แต่เงินค่าเช่าบ้านของป๊า 2,000 ก็ยังไม่รู้ว่า เขาจะให้หรือเปล่า คนพวกนี้ขี้ฉ้อ..ตอแหละ..เชื่อถืออะไรไม่ได้...
*
อ๋อมีตอนนึง เราไปขอเงินคุณนายวิภาไปเรียน มสธ. 1,500 แต่ก็เรียนไม่ไหว อ่านหนังสือ ไม่ชอบอ่านหนังสือเรียน...และอีก1ครั้ง 1,500 ก็ให้แบบแค่น ๆ งั้น ๆ ...คงไม่เหมือนคุณหนูหลิน จากเมืองจีน..ผู้น่าสงสาร..ต้องส่งให้เรียนให้จบ เพื่อที่จะได้ไม่ถูกอาหลังแบงค์ทั้ง 2 คนรังแก..เรียนให้จบสูง ๆ ให้เขาดู..(เอาชนะเขามากกว่า) ทำงานดี ๆ ให้เขาดู...ว่าคุณหนูหลิน ดีกว่า เก่งกว่า เอาดีได้มากกว่าลูกเลี้ยงของเขา
*
วันนั้น มีเสียงผู้หญิงสูงวัยโทร.มา ถาม "ปูย้ายไปอยู่ไหน" เราไม่ค่อยได้ยิน ถามว่า "ใครคะ"
ไม่รู้ล่ะว่าจะเป็นใคร ตอนนี้ก็คือ ตัวคนเดียว ไม่สนใจ ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
กลับไปให้พวกมันด่า สมน้ำหน้า..เรอะ..มึงไม่ให้(เศษ)เงิน 2,000 ก็ชั่งแม่ง..เพราะพวกมันได้คนละล้าน สองล้าน (แต่ไม่เอามารวม) ...คุณนายวิภา กันมูลค่าทรัพย์สินส่วนนี้ออกไป ไม่ให้เห็นว่าเป็นตัวเลขเท่าไหร่...
*
วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554
26 สค.54 ขอให้ภูมิใจในตัวเอง...ที่ช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน..ช่วยหาเงินเลี้ยง ส่งพี่ชายเรียนโรงเรียนประจำ.
26 สค.54 ขอให้ภูมิใจในตัวเอง...ที่ช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน..ช่วยหาเงินเลี้ยง ส่งพี่ชายเรียนโรงเรียนประจำ...ช่วยพ่อแม่หาเงินซื้อมอเตอร์ไซค์และค่าน้ำให้พี่ชายขี่ไปเรียนหนังสือจากสีลมถึงกล้วยน้ำไท..น้องชายไปเรียนหนังสือจากสีลมไปทุ่งมหาเมฆ..ส่วนเรานั่งรถสองแถว หรือเดินไป เดินกลับ...พาณิชย์สีลม..เราก็เดินกลับ
*
สุดท้าย เราต้องกลายเป็นหมาข้างถนน ให้ใครต่อใคร ที่ได้รับความเมตตา สงสาร หรือทำลูกเพื่อมารอสมบัติให้ตัวเองสบาย
(Eดอกเยา ตะโกนด่าผัวมัน..มึงอยากเลี้ยงลูกมึงมากใช่มั้ย ๆๆ ๆ ๆ ...ไอ้ตัวผัว ก็ออกมายืนหน้าบ้าน หน้าเซ่อ..คิดหนักเลย..สมน้ำหน้า...นี่แหละเมียที่แสนดีของมึง..ลูกสะใภ้ที่แสนดีของคุณนายวิภา..สะใจที่ Eดอก ด่าลูกชายคนโตสุดที่รักของเขา... ฟ้ามีตาจริง ๆ
*ที่จริงแล้ว Eดอกเยา..มันชอบให้แม่มันเลี้ยง..(ยายเลี้ยงเหรอ..แก่แล้ว ไม่ได้มีความรู้เรื่องเลี้ยงเด็กให้ฉลาด มีพัฒนาการ แบบการเลี้ยงสมัยใหม่..ก็คงจะเลี้ยงหลานสาวแบบโบราณ ตามความเชื่อ...
*
น่าสงสารเด็กที่ถูกแม่มันผลิตขึ้นมาเพื่อรอสมบัติ..แม่มันจะได้สบาย..แต่สอนลูก ระบายอารมรณ์ ใช้ลูกเป็นเครื่องมือในการทำร้ายผู้คน
*
แจ๋เคยพูดว่า "อีเยา มันบ่นว่า ช่วยแม่มึงทำงานแต่ไม่ได้เงินอะไรเลย ไอ้ป๊อปก็ไม่ได้ให้เงิน"
เราตอบ "งั้นเหรอ งั้นม๊าก็ต้องให้เงินมันสิ มันทำงานให้ก็ต้องให้เงินมัน ถึงจะถูกต้อง"
....งานนี้ไม่รู้ใครตอแหละ....
เฝ้าให้นอนกลางวัน
วันหยุด ม๊านอนกลางวัน เตียมผ้าใบ..เวลามีคนมาซื้อของ เราชั่งบอกน้ำหนัก ถามม๊าราคาเท่าไหร่ คิดเงินรวม รับตังค์ทอนตังค์ (มีแอบจิ๊กสตางค์ใต้เตียงผ้าใบ ใส่ตะกร้าแบน ๆ เล็ก ๆ)..ก็คงนอนไม่อิ่มเท่าไหร่
*
*
อย่าคิดว่าจะรอด
โขมยสตางค์ม๊า ก็โดนม๊าตี...ตี...ตี..สอนแบบด่า ๆ ...
จนคนตีเหนื่อย..ถึงหยุด
*
จนคนตีเหนื่อย..ถึงหยุด
*
โต๊ะวางคอมฯ
ซื้อโต๊ะวางคอมมา 2,400.- ไอ้ Pop ขอซื้อต่อ 1,200 ก็ไม่รู้หล่ะ ก็ยอมขายให้มัน (ทำไม ๆ ๆๆ ถึงยอมให้มันเอาเปรียบ)
*
*
ตื่นมาทำไร...
กลับจากตลาด ม๊าจะเอาไม้เต็กกอ กระทุ้งกระดานไม้
ง่วงแค่ไหนก็ต้องตื่น ขึ้นมาช่วยจัดของทุกอย่าง...
เปิดเตาแก๊ส ตั้งกระทะ นึ่งปลาทู เต้าหู้ (เหลือจากเมื่อวาน)
ถังน้ำแสตนเลส..รองน้ำเกือบเต็มถัง หิ้วตัวเอียงไปหน้าบ้านเพื่อจุ่มผักก่อนขึ้นโต๊ะ
*
สาย ๆ ก็ช่วยทำผัก (ไม่ทุกวัน) รูดใบเล็กๆ โคนต้นผักบุ้ง ตัดก้านคะน้า หักใบไม่สวย
ตัดก้านผักกาดหอม ผักกาดขาว ดึงใบไม่สวย ต้นหอม ผักชี คึ่นช่าย กำกระเพราะ โหระพา ใบแมงลัก
*
สาย ๆ พอแดดออกมากหน่อย ก็เอาผ้าใบ (ทำจากผ้าดิบผืนใหญ่ เย็บต่อกัน)
เอาไม้เต็กกอ เกี่ยวหู แล้วขึ้นไปเกี่ยวแขวนในตะปู ที่ขื่อไม้กันสาดสังกะสี
ตกเย็นแดดหมด เราก็เก็บผ้าใบลงมา ขยุ้ม ๆ ผ้าฝั่งที่มีหู ม้วน ๆ เป็นก้อนเก็บเข้าที่
*
พวกมึงมีอะไรที่จะกล้าพูดว่า "พวกมึง...ทำงาน..ช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน...มากกว่ากูมั้ย"
"พวกมึงเคยหาเงิน ทำงานตอนเรียนหนังสือ ตอนปิดเทอม..เหมือนกูมั้ย"
อย่างน้อยกูก็ไม่ขอเงินค่าขนมแม่มึงในช่วงที่กูทำงานหารายได้ตอนปิดเทอม..โครตภูมิใจเลย
*
ยินดีด้วยที่พวกมึงได้สมบัติ อากง อาม่า..ไปเสวยสุข..ขอให้ผลาญให้หมดไวไว...
ส่วนกูไม่มีกิน ไม่มีใช่ หรือจะใกล้ตายแบบหมาข้างถนน..กูก็มีความสุข...
*
ง่วงแค่ไหนก็ต้องตื่น ขึ้นมาช่วยจัดของทุกอย่าง...
เปิดเตาแก๊ส ตั้งกระทะ นึ่งปลาทู เต้าหู้ (เหลือจากเมื่อวาน)
ถังน้ำแสตนเลส..รองน้ำเกือบเต็มถัง หิ้วตัวเอียงไปหน้าบ้านเพื่อจุ่มผักก่อนขึ้นโต๊ะ
*
สาย ๆ ก็ช่วยทำผัก (ไม่ทุกวัน) รูดใบเล็กๆ โคนต้นผักบุ้ง ตัดก้านคะน้า หักใบไม่สวย
ตัดก้านผักกาดหอม ผักกาดขาว ดึงใบไม่สวย ต้นหอม ผักชี คึ่นช่าย กำกระเพราะ โหระพา ใบแมงลัก
*
สาย ๆ พอแดดออกมากหน่อย ก็เอาผ้าใบ (ทำจากผ้าดิบผืนใหญ่ เย็บต่อกัน)
เอาไม้เต็กกอ เกี่ยวหู แล้วขึ้นไปเกี่ยวแขวนในตะปู ที่ขื่อไม้กันสาดสังกะสี
ตกเย็นแดดหมด เราก็เก็บผ้าใบลงมา ขยุ้ม ๆ ผ้าฝั่งที่มีหู ม้วน ๆ เป็นก้อนเก็บเข้าที่
*
พวกมึงมีอะไรที่จะกล้าพูดว่า "พวกมึง...ทำงาน..ช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน...มากกว่ากูมั้ย"
"พวกมึงเคยหาเงิน ทำงานตอนเรียนหนังสือ ตอนปิดเทอม..เหมือนกูมั้ย"
อย่างน้อยกูก็ไม่ขอเงินค่าขนมแม่มึงในช่วงที่กูทำงานหารายได้ตอนปิดเทอม..โครตภูมิใจเลย
*
ยินดีด้วยที่พวกมึงได้สมบัติ อากง อาม่า..ไปเสวยสุข..ขอให้ผลาญให้หมดไวไว...
ส่วนกูไม่มีกิน ไม่มีใช่ หรือจะใกล้ตายแบบหมาข้างถนน..กูก็มีความสุข...
*
วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554
แกงคั่วหอยขม (ป๊าชอบ)
หน้าตลาดมีนบุรี ขายบ่ายแก่ ๆ มีมั่งไม่มีมั่ง
ไปตลาดป๊าจะให้ซื้อ ถ้าเจอ...
*
ไปตลาดป๊าจะให้ซื้อ ถ้าเจอ...
*
ลูกชายคนโตแต่งงาน (ผลาญเงินหรือเปล่า)
"สาว" ยังเรียนไม่จบ เพิ่งพาณิชย์ปีหนึ่ง...ไม่รู้ยังไง
ก็ไปขอเขาแต่งงาน
จัดงานเลี้ยง เช่ารถตู้ไปกินโต๊ะจีนที่บ้านสาวที่แปดริ้ว
*
จัดงานเลี้ยง โต๊ะจีนที่ภัตตาคาร "รินคำ" ตรงข้ามเซ็นทรัลสีลม (ไม่แน่ใจ)
เขาให้เราเฝ้าบ้าน..แต่ตัวแล้ว...ก็เลยขี้เกียจไปกินโต๊ะ...
*
ตอนโน้นเราไปซื้อเสื้อผ้าโปร่ง ลูกไม้สีชมพู กับสาว (เขามีผ้านุ่งแล้ว)
ที่ร้าน "สยุมภู" แยกพาหุรัด (สีชมพูอ่อนไปหน่อย ถ่ายรูปออกมาเลยซีดไปนิดนึง)
แล้วก็ไปซื้อของชำร่วย เป็นจานรองแก้ว อลูมิเนียม สกรีนลายดอกไม้เล็ก ๆ
"นิจนา-สุชาติ" 22 เมย. มั้ง (ประมาณนี้)
*
เพื่อความสุขของลูกชายคนโต (ก่อน) เท่าไหร่คุณนายวิภา..ก็ยอมจ่ายได้เสมอ...
*
ก็ไปขอเขาแต่งงาน
จัดงานเลี้ยง เช่ารถตู้ไปกินโต๊ะจีนที่บ้านสาวที่แปดริ้ว
*
จัดงานเลี้ยง โต๊ะจีนที่ภัตตาคาร "รินคำ" ตรงข้ามเซ็นทรัลสีลม (ไม่แน่ใจ)
เขาให้เราเฝ้าบ้าน..แต่ตัวแล้ว...ก็เลยขี้เกียจไปกินโต๊ะ...
*
ตอนโน้นเราไปซื้อเสื้อผ้าโปร่ง ลูกไม้สีชมพู กับสาว (เขามีผ้านุ่งแล้ว)
ที่ร้าน "สยุมภู" แยกพาหุรัด (สีชมพูอ่อนไปหน่อย ถ่ายรูปออกมาเลยซีดไปนิดนึง)
แล้วก็ไปซื้อของชำร่วย เป็นจานรองแก้ว อลูมิเนียม สกรีนลายดอกไม้เล็ก ๆ
"นิจนา-สุชาติ" 22 เมย. มั้ง (ประมาณนี้)
*
เพื่อความสุขของลูกชายคนโต (ก่อน) เท่าไหร่คุณนายวิภา..ก็ยอมจ่ายได้เสมอ...
*
ม๊า
บ้านอาผอ..ขายกาแฟ (สมัยนี้เรียก "กาแฟโบราณ") รั้วเป็นตอไม้ ประตูเป็นสังกะสีแผ่น
มีเตาถ่าน มีหม้อต้มน้ำร้อน ข้างบนมีโถแสตนเลส 2 อัน..มีถุงชงผงกาแฟ กับ ผงชาตรามือ
ชงโอเลี้ยง กาแฟ ชาดำเย็น...มีล้าน...มีถาดสังกะสี ลายดอกไม้ วางขนมที่กินกับกาแฟ...
อาผอจะใส่เสื้อกุยเฮง กางเกงขาก๊วย หลังโค้งงุ้ม ๆ แล้ว
บ้านไม้...พื้นยังเป็นดินอยู่เลย..
*
สมัยเด็ก ม๊าขายกาแฟ ตามแบบอาผอ...แล้วก็ขายผลไม้ อย่าง กล้วยน้ำว้า ก็จะเอาเชือกพลาสติกมา มัดเป็นปม แล้วสอดกลางหวี..แขวน...มะละกอ..ก็จะฉีกเชือกพลาสติกเป็นเส้นเล็กหน่อย ผูกสานเป็นตะกร้ายาว ๆ ใส่มะละกอแขวนไว้...
*
ก็คงจะไม่พอเลี้ยงลูก 3 คน...พอดีอาอึ้มขายผัก ถัดไปอีก 2 ห้อง (เราจะไปจกมะเขือเทศกินบ่อยๆ) ม๊าก็เลยไปเรียนวิชาขายผัก..เปลี่ยนมาจนถึงบัดนี้...
* ที่นี่เป็นบ้านไม้ บ้านเช่า เราชอบขึ้นไปกับคนเช่าบ้าน...ไปช่วยเขาพับถุงกระดาษ ซ้อน ๆ กัน ทากาว ทับปิดก้นถุง แล้วแม่ก็มาตามกลับไป
*
ได้เรียนทำดอกไม้ที่สวนลุม เป็นซุ้มหลังคาโค้ง ๆ แจ๋พาไป...
*
มีเตาถ่าน มีหม้อต้มน้ำร้อน ข้างบนมีโถแสตนเลส 2 อัน..มีถุงชงผงกาแฟ กับ ผงชาตรามือ
ชงโอเลี้ยง กาแฟ ชาดำเย็น...มีล้าน...มีถาดสังกะสี ลายดอกไม้ วางขนมที่กินกับกาแฟ...
อาผอจะใส่เสื้อกุยเฮง กางเกงขาก๊วย หลังโค้งงุ้ม ๆ แล้ว
บ้านไม้...พื้นยังเป็นดินอยู่เลย..
*
สมัยเด็ก ม๊าขายกาแฟ ตามแบบอาผอ...แล้วก็ขายผลไม้ อย่าง กล้วยน้ำว้า ก็จะเอาเชือกพลาสติกมา มัดเป็นปม แล้วสอดกลางหวี..แขวน...มะละกอ..ก็จะฉีกเชือกพลาสติกเป็นเส้นเล็กหน่อย ผูกสานเป็นตะกร้ายาว ๆ ใส่มะละกอแขวนไว้...
*
ก็คงจะไม่พอเลี้ยงลูก 3 คน...พอดีอาอึ้มขายผัก ถัดไปอีก 2 ห้อง (เราจะไปจกมะเขือเทศกินบ่อยๆ) ม๊าก็เลยไปเรียนวิชาขายผัก..เปลี่ยนมาจนถึงบัดนี้...
* ที่นี่เป็นบ้านไม้ บ้านเช่า เราชอบขึ้นไปกับคนเช่าบ้าน...ไปช่วยเขาพับถุงกระดาษ ซ้อน ๆ กัน ทากาว ทับปิดก้นถุง แล้วแม่ก็มาตามกลับไป
*
ได้เรียนทำดอกไม้ที่สวนลุม เป็นซุ้มหลังคาโค้ง ๆ แจ๋พาไป...
*
ป๊า
ป๊าเอารถตู้สีขาวไปทำสี "นีน่าทัวร์" จัดเที่ยว..เช่ารถบัส ไปแถวชลบุรี
เราก็ไปด้วย...กว่าจะกลับก็ค่ำ..มาก..ลูกทัวร์เต็มคันรถ
*
ป๊าขายทุเรียน ขี่ซาเล้ง สีแดง ถีบครับถีบ...ใส่หมวกไม้ไผ่สาน ผูกเชือกใต้คาง
*
เอาไม้ไผ่เหลายาว ๆ พันด้วยเทปพันสีไฟ สีขาว หรือสีดำ เคาะที่พูทุเรียน..ด้วยดมกลิ่น..น่าจะขายชะนี หรือ "ก้านยาว" มีกระดาษหนังสือพิมพ์พับเล็ก ๆ พันก้านเอาไว้...เอามีดเล็กกรีดเป็น ^ นิ้วแงะกดเนื้อให้ลูกค้าดู..สมัยโน้น..ป๊าจะเอามีดกรีดในร่องแบ่งครึ่งลูก...แล้วกรีดกลางพู..ลูกค้าซื้อไปก็ ฉีกครึ่งลูกก่อน..แล้วใช้ฝ่ามือ 2 ข้าง แบะแต่ละพูออกมา..ไม่เหมือนสมัยนี้ ตัดแต่ง..ห่อกระดาษอย่างดีใส่ถุงให้ลูกค้า..ไม่ต้องเอาเปลือกไปด้วย...
*
ไม่รู้ป๊าหนีอะไร...ไปอยู่ห้องชั้น 3 ของตึกโซ่ยเจ็ก..ข้าบ้านอึ้มเต้าส่วน...
เราพอหุงข้าวทำกับข้าวเสร็จ..ก็ตักข้าวใส่ชามเขียว (ข้าวเยอะไปหน่อย) ตักกับราด เอาไปให้ป๊า ..กะเวลาสักชั่วโมงกว่า ก็ไปเก็บชาม..ส่ง 3 มื้อ(มั้ง)
*
รถรับส่งนักเรียนจากดัทสัน สีเขียว ติดลูกกรงเหล็ก มีประตูมีกลอนใหญ่ท้ายรถ...มาเป็นรถ 6 ล้อ (รถเก่า) สตาร์ทไม่ค่อยติด...ชาวบ้านมักจะออกมาว่า "หนวกหู" ต้องสตาร์ทหลายที...
*
รถเก๋งสีเหลือง (รถเก่า) ก็ไม่ค่อยดี...สุดท้าย รถตู้ (ก็มือสองมั้ง) ถอดเบาะออกด้านหลัง
*
เวลาไปเชงเม้ง..เราก็เป็นคนจัดกับข้าวลงจาน ตักข้าว วางช้อน วางตะเกียบ ไหว้เสร็จ ก็ช่วยเก็บกลับ...
*
เราก็ไปด้วย...กว่าจะกลับก็ค่ำ..มาก..ลูกทัวร์เต็มคันรถ
*
ป๊าขายทุเรียน ขี่ซาเล้ง สีแดง ถีบครับถีบ...ใส่หมวกไม้ไผ่สาน ผูกเชือกใต้คาง
*
เอาไม้ไผ่เหลายาว ๆ พันด้วยเทปพันสีไฟ สีขาว หรือสีดำ เคาะที่พูทุเรียน..ด้วยดมกลิ่น..น่าจะขายชะนี หรือ "ก้านยาว" มีกระดาษหนังสือพิมพ์พับเล็ก ๆ พันก้านเอาไว้...เอามีดเล็กกรีดเป็น ^ นิ้วแงะกดเนื้อให้ลูกค้าดู..สมัยโน้น..ป๊าจะเอามีดกรีดในร่องแบ่งครึ่งลูก...แล้วกรีดกลางพู..ลูกค้าซื้อไปก็ ฉีกครึ่งลูกก่อน..แล้วใช้ฝ่ามือ 2 ข้าง แบะแต่ละพูออกมา..ไม่เหมือนสมัยนี้ ตัดแต่ง..ห่อกระดาษอย่างดีใส่ถุงให้ลูกค้า..ไม่ต้องเอาเปลือกไปด้วย...
*
ไม่รู้ป๊าหนีอะไร...ไปอยู่ห้องชั้น 3 ของตึกโซ่ยเจ็ก..ข้าบ้านอึ้มเต้าส่วน...
เราพอหุงข้าวทำกับข้าวเสร็จ..ก็ตักข้าวใส่ชามเขียว (ข้าวเยอะไปหน่อย) ตักกับราด เอาไปให้ป๊า ..กะเวลาสักชั่วโมงกว่า ก็ไปเก็บชาม..ส่ง 3 มื้อ(มั้ง)
*
รถรับส่งนักเรียนจากดัทสัน สีเขียว ติดลูกกรงเหล็ก มีประตูมีกลอนใหญ่ท้ายรถ...มาเป็นรถ 6 ล้อ (รถเก่า) สตาร์ทไม่ค่อยติด...ชาวบ้านมักจะออกมาว่า "หนวกหู" ต้องสตาร์ทหลายที...
*
รถเก๋งสีเหลือง (รถเก่า) ก็ไม่ค่อยดี...สุดท้าย รถตู้ (ก็มือสองมั้ง) ถอดเบาะออกด้านหลัง
*
เวลาไปเชงเม้ง..เราก็เป็นคนจัดกับข้าวลงจาน ตักข้าว วางช้อน วางตะเกียบ ไหว้เสร็จ ก็ช่วยเก็บกลับ...
*
ไปตลาด "สามย่าน"
ประมาณ 11.30 น. ต้องจากบ้านแล้ว...เดินจากบ้านไปรอขึ้นรถเมล์ ป้ายตรงข้าม รพ.จุฬา สาย50
*
ลงจากรถเมล์ แวะร้านขายเครื่องเขียน ซื้อการ์ตูน แคนดี้ จูนเซมิมิ เมมฟิสแครอล..ขวัญเรือน กุลสตรี หญิงไทย แล้วแต่การฝีมือที่ชอบ
*
กินข้าวมันไก่ ลอดช่องสิงคโปร์
*
เดินไปสั่งปลาทู พร้อมวางตะกร้า (สานด้วนเทปพลาสติกรัดของ) สั่งมะพร้าวขูด บางทีจะมีลูกค้าสั่งมะพร้าวขูดขาว ก็ประมาณ 1/2 โล
*
เดินไปพร้อมบิลจดรายการซื้อของ..ไปสั่งปลาช่อน แล้วรีบเดินไปซื้ออย่างอื่น ไม่อยากเห็นปลาช่อนโดนทุบหัว แป๊กปั๊กโป๊ก..อาเจ็กใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว
*
ซื้อหมู ฯลฯ แล้วกลับมาเอามะพร้าว ปลาทู หิ้วตะกร้า เดินไปปากซอย รอรถสามล้อ ลุงแก่ ๆคนหนึ่งเขาคิดค่ารถถูกหน่อย 13 บาท ด้วยความที่อยากประหยัดค่ารถ รอเป็น 2 ชั่วโมงมั้ง กลับถึงบ้านมะพร้าวบูดเสียแล้ว (ยืนตากแดดร้อนด้วย) ได้ไม่คุ้มเสียนะเนี่ย...กลับถึงบ้านประมาณเกือบบ่ายโมง..หิ้วของลงจากสามล้อ เอาเข้าตู้เย็น..เสร็จงาน
*
เคยทำกระเป๋าสตางค์(ขนสีส้ม) หล่นบนเบาะรถเมล์.มีคนเห็นแล้วบอก..ขอบคุณมาก ๆ ไม่งั้น..หายไปหลายร้อยแน่เลย...
*
ถ้าไปกับป๊า เอารถตู้ไป จะแวะที่ร้านขายปลา...บาบทีก็ซื้อมาเลี้ยง..ตายทุกตัว
*
อยากกินข้าวเกรียบข้าวโพด (ถุงละ 5 บาท) ไม่พอกิน..ข้างร้านขายปลาทอง..มี..ซื้อแบบดิบเป็นรูปกงจักร ขอบหยัก ๆ มาทอดเอง..สะใจมาก..บางทีก็ซื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์มาทอดเอง..ไม่เป็น..ก็ได้แบบเกรียม ๆ นิด ๆ
*
*
ลงจากรถเมล์ แวะร้านขายเครื่องเขียน ซื้อการ์ตูน แคนดี้ จูนเซมิมิ เมมฟิสแครอล..ขวัญเรือน กุลสตรี หญิงไทย แล้วแต่การฝีมือที่ชอบ
*
กินข้าวมันไก่ ลอดช่องสิงคโปร์
*
เดินไปสั่งปลาทู พร้อมวางตะกร้า (สานด้วนเทปพลาสติกรัดของ) สั่งมะพร้าวขูด บางทีจะมีลูกค้าสั่งมะพร้าวขูดขาว ก็ประมาณ 1/2 โล
*
เดินไปพร้อมบิลจดรายการซื้อของ..ไปสั่งปลาช่อน แล้วรีบเดินไปซื้ออย่างอื่น ไม่อยากเห็นปลาช่อนโดนทุบหัว แป๊กปั๊กโป๊ก..อาเจ็กใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว
*
ซื้อหมู ฯลฯ แล้วกลับมาเอามะพร้าว ปลาทู หิ้วตะกร้า เดินไปปากซอย รอรถสามล้อ ลุงแก่ ๆคนหนึ่งเขาคิดค่ารถถูกหน่อย 13 บาท ด้วยความที่อยากประหยัดค่ารถ รอเป็น 2 ชั่วโมงมั้ง กลับถึงบ้านมะพร้าวบูดเสียแล้ว (ยืนตากแดดร้อนด้วย) ได้ไม่คุ้มเสียนะเนี่ย...กลับถึงบ้านประมาณเกือบบ่ายโมง..หิ้วของลงจากสามล้อ เอาเข้าตู้เย็น..เสร็จงาน
*
เคยทำกระเป๋าสตางค์(ขนสีส้ม) หล่นบนเบาะรถเมล์.มีคนเห็นแล้วบอก..ขอบคุณมาก ๆ ไม่งั้น..หายไปหลายร้อยแน่เลย...
*
ถ้าไปกับป๊า เอารถตู้ไป จะแวะที่ร้านขายปลา...บาบทีก็ซื้อมาเลี้ยง..ตายทุกตัว
*
อยากกินข้าวเกรียบข้าวโพด (ถุงละ 5 บาท) ไม่พอกิน..ข้างร้านขายปลาทอง..มี..ซื้อแบบดิบเป็นรูปกงจักร ขอบหยัก ๆ มาทอดเอง..สะใจมาก..บางทีก็ซื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์มาทอดเอง..ไม่เป็น..ก็ได้แบบเกรียม ๆ นิด ๆ
*
25 สค.54
วันหนึ่งนั่งรอรถเมล์ หน้า รพ.กรุงเทพคริสเตียน เห็น ลูกชายคนเล็กของคุณนายวิภา ขี่จักรยาน ปาดหน้ารถเก๋งหลายคัน เอาไปบอกคุณแม่..ไม่งั้นอาจได้ลูกชายพิการไปแล้ว..
*
ส่วนลูกชายคนโต ตอนเด็กก็อ่านการ์ตูน "ไออิ มาร์โกโต้" มีครบชุด ขนาดกระดาษน่าจะเท่า A4 ครบชุดแล้ว เขาก็เอาสว่านเจาะสันหนังสือการ์ตูน เอาเชือกร้อยเป็นปึกใหญ่
*
ลูกชายคนเล็ก ก็อ่านการ์ตูน "Touch" กับ "กัปตันซึบาสะ" นี่ก็มีครบทุกเล่มเหมือนกัน*
*
ส่วนเรา ซื้อการ์ตูน "Candy" "จุนเซ มิมิ" "เมมฟิส แครอล" ไม่มีครบทุกเล่ม
กับหนังสือขวัญเรือน หญิงไทย กุลสตรี ซื้อบางเล่ม เฉพาะที่มีการฝีมือที่ชอบเท่านั้น
จะซื้อที่ร้านขายเครื่องเขียนที่หน้าตลาดสามย่าน ตรงป้ายรถเมล์ (มีเถลไถลนิดหน่อย)
ก่อนซื้อของ แวะกิน "ข้าวมันไก่ กับ ลอดช่องสิงคโปร์" อร่อยมาก มันกะทิ หอมขนุน
*
ลูกชายคนโตเขา ซื้อของเล่นพวกเครื่องบิน ตุ๊กตา ประกอบ น่าจะของ Tamiya ที่กล่องมีรูปดาว
ปีกเครื่องบินมีสติ๊กเกอร์ให้ติดด้วย แล้วก็ตุ๊กตุ่น S Doll
*
แม่ให้เรียน "Silk Screen" ตกงานหลายปี หลังจากมีลูกแล้วก็ยังไม่ได้ทำมาหากินอะไรเป็นเรื่องเป็นราว
แม่จะให้เรียนทำกุญแจ ซ่อมรองเท้า ฯลฯ...แล้วก็ให้เรียนซ่อมมอเตอร์ไซค์ ของกทม.หรือเปล่าไม่รู้
สุดท้ายก็ซ่อมแต่มอเตอร์ไซค์ของตัวเอง...
*
แม่ให้การสนับสนุน ทำเครื่องบินเล็ก ทั้งโครงไม้บัลซ่า ใยไฟเบอร์กลาส เครื่องยนต์ น้ำมันละหุ่ง
*
ที่คุณนายวิภาต้องเสียสตางค์ให้เรา..ก็ตอนเรียนมัธยม ถือรองเท้า..เดินเรียน เปลี่ยนห้อง..
แต่เราทำรองเท้านักเรียนหาย..ยืมครูใส่คู่อื่นกลับบ้าน ขอตังค์ซื้อรองเท้านักเรียนคู่ใหม่
*
ตอนเด็ก แม่พาเรากับน้องชายไปซื้อเสื้อผ้านักเรียน รองเท้านักเรียน กระเป๋านักเรียน
ที่ตลาดบางรัก ขากลับนั่งรถสามล้อ...ปิดร้านตอนค่ำ ๆ แล้วไปกัน 3 คน แม่ลูก
*
เรากับน้องชายได้เรียนว่ายน้ำที่ YMCA 2-3 course
*
วันนั้นคุณนายวิภาพูด "มันบอกว่า มึงไปอยู่ด้วย มันยังต้องเลี้ยง..มันไม่เอา..มันจะเอาอีดอก..รู้ไว้ซะด้วย"
ขอบคุณที่บอก.." งั้นก็ดีน่ะสิ ที่กูออกจากบ้านนั้นมาก่อน" เขาก็ให้ค่ารถแท็กซี่กลับมา
*
สมัยเด็ก ๆ ลูกชายคนเล็กของคุณนายวิภา ยังเล็กอยู่...แจ๋น่าจะมาช่วยเลี้ยง หรือมีพี่เลี้ยงอีกคน จำไม่ได้ละ
จะมีเปลทำจากผ้า ผูกรวบชาย 2 ด้าน..ผูกขึงไว้ที่เสา 2 ต้น.. เอาไม้เนื้อแข็ง ขัดหัวท้ายผ้า..ให้กางออก
น้องชายนอนในนั้น..ถ้าตื่นก็จะเอานอนเบาะทำจากผ้า (น่าจะยัดด้วยนุ่น) สมัยนั้นได้ยินเรียกว่า "เมาะ" มั้ง
*
โตหน่อย เขาจะมีจักรยาน 3 ล้อถีบ..ที่ล้อมีจานสังกะสี..
มีกำไลข้อเท้าสีเหมือนทองแดง..มีลูกกระพรวนเล็ก ๆ
*
มีคืนหนึ่ง..เรานอนไม่หลับ
...ได้ยินเสียงสตาร์ทรถตู้ของป๊า..หลายครั้ง แต่สตาร์ทไม่ติดสักที เลยลุกขึ้นไปดู เปิดหน้าหน้ามีเสียงดัง...
เห็นเด็กผู้ชายแถวบ้าน 2 คน คนหนึ่งนั่งตรงคนขับ..อีกคนยืนอยู่นอกรถ..พอเห็นเรา..เขาก็หนีไป
ดูเหมือนว่า คนนั้นน่าจะกำลังเอาสายไฟจี้ให้สปาร์กกัน เพื่อให้เครื่องยนต์ติด...
บอกพ่อแม่..ก็งั้น ๆ ไม่เห็นได้รางวัลอะไรเลย...
*
ให้มึงไปเฝ้าเตี่ยมึง....(จะตั้งใจใช้ให้ไปกันอีดอก)
"แล้วทำไมม๊าไม่ไปเฝ้าป๊าเองหละ" (เห็นรักนักรักหนา)
"เดี๋ยวอีดอกมันผลักแม่มึงล้ม จะทำยังไง" (ห่วงตัวเองถูกเขาทำร้าย..แต่ไม่คิดถ้ากูถูกมันแทงตายล่ะ ไม่เสียดายเลย อีนี่ต้องใช้งานให้มันตกระกำลำบาก ให้แสนสาหัส)
*
*
ส่วนลูกชายคนโต ตอนเด็กก็อ่านการ์ตูน "ไออิ มาร์โกโต้" มีครบชุด ขนาดกระดาษน่าจะเท่า A4 ครบชุดแล้ว เขาก็เอาสว่านเจาะสันหนังสือการ์ตูน เอาเชือกร้อยเป็นปึกใหญ่
*
ลูกชายคนเล็ก ก็อ่านการ์ตูน "Touch" กับ "กัปตันซึบาสะ" นี่ก็มีครบทุกเล่มเหมือนกัน*
*
ส่วนเรา ซื้อการ์ตูน "Candy" "จุนเซ มิมิ" "เมมฟิส แครอล" ไม่มีครบทุกเล่ม
กับหนังสือขวัญเรือน หญิงไทย กุลสตรี ซื้อบางเล่ม เฉพาะที่มีการฝีมือที่ชอบเท่านั้น
จะซื้อที่ร้านขายเครื่องเขียนที่หน้าตลาดสามย่าน ตรงป้ายรถเมล์ (มีเถลไถลนิดหน่อย)
ก่อนซื้อของ แวะกิน "ข้าวมันไก่ กับ ลอดช่องสิงคโปร์" อร่อยมาก มันกะทิ หอมขนุน
*
ลูกชายคนโตเขา ซื้อของเล่นพวกเครื่องบิน ตุ๊กตา ประกอบ น่าจะของ Tamiya ที่กล่องมีรูปดาว
ปีกเครื่องบินมีสติ๊กเกอร์ให้ติดด้วย แล้วก็ตุ๊กตุ่น S Doll
*
แม่ให้เรียน "Silk Screen" ตกงานหลายปี หลังจากมีลูกแล้วก็ยังไม่ได้ทำมาหากินอะไรเป็นเรื่องเป็นราว
แม่จะให้เรียนทำกุญแจ ซ่อมรองเท้า ฯลฯ...แล้วก็ให้เรียนซ่อมมอเตอร์ไซค์ ของกทม.หรือเปล่าไม่รู้
สุดท้ายก็ซ่อมแต่มอเตอร์ไซค์ของตัวเอง...
*
แม่ให้การสนับสนุน ทำเครื่องบินเล็ก ทั้งโครงไม้บัลซ่า ใยไฟเบอร์กลาส เครื่องยนต์ น้ำมันละหุ่ง
*
ที่คุณนายวิภาต้องเสียสตางค์ให้เรา..ก็ตอนเรียนมัธยม ถือรองเท้า..เดินเรียน เปลี่ยนห้อง..
แต่เราทำรองเท้านักเรียนหาย..ยืมครูใส่คู่อื่นกลับบ้าน ขอตังค์ซื้อรองเท้านักเรียนคู่ใหม่
*
ตอนเด็ก แม่พาเรากับน้องชายไปซื้อเสื้อผ้านักเรียน รองเท้านักเรียน กระเป๋านักเรียน
ที่ตลาดบางรัก ขากลับนั่งรถสามล้อ...ปิดร้านตอนค่ำ ๆ แล้วไปกัน 3 คน แม่ลูก
*
เรากับน้องชายได้เรียนว่ายน้ำที่ YMCA 2-3 course
*
วันนั้นคุณนายวิภาพูด "มันบอกว่า มึงไปอยู่ด้วย มันยังต้องเลี้ยง..มันไม่เอา..มันจะเอาอีดอก..รู้ไว้ซะด้วย"
ขอบคุณที่บอก.." งั้นก็ดีน่ะสิ ที่กูออกจากบ้านนั้นมาก่อน" เขาก็ให้ค่ารถแท็กซี่กลับมา
*
สมัยเด็ก ๆ ลูกชายคนเล็กของคุณนายวิภา ยังเล็กอยู่...แจ๋น่าจะมาช่วยเลี้ยง หรือมีพี่เลี้ยงอีกคน จำไม่ได้ละ
จะมีเปลทำจากผ้า ผูกรวบชาย 2 ด้าน..ผูกขึงไว้ที่เสา 2 ต้น.. เอาไม้เนื้อแข็ง ขัดหัวท้ายผ้า..ให้กางออก
น้องชายนอนในนั้น..ถ้าตื่นก็จะเอานอนเบาะทำจากผ้า (น่าจะยัดด้วยนุ่น) สมัยนั้นได้ยินเรียกว่า "เมาะ" มั้ง
*
โตหน่อย เขาจะมีจักรยาน 3 ล้อถีบ..ที่ล้อมีจานสังกะสี..
มีกำไลข้อเท้าสีเหมือนทองแดง..มีลูกกระพรวนเล็ก ๆ
*
มีคืนหนึ่ง..เรานอนไม่หลับ
...ได้ยินเสียงสตาร์ทรถตู้ของป๊า..หลายครั้ง แต่สตาร์ทไม่ติดสักที เลยลุกขึ้นไปดู เปิดหน้าหน้ามีเสียงดัง...
เห็นเด็กผู้ชายแถวบ้าน 2 คน คนหนึ่งนั่งตรงคนขับ..อีกคนยืนอยู่นอกรถ..พอเห็นเรา..เขาก็หนีไป
ดูเหมือนว่า คนนั้นน่าจะกำลังเอาสายไฟจี้ให้สปาร์กกัน เพื่อให้เครื่องยนต์ติด...
บอกพ่อแม่..ก็งั้น ๆ ไม่เห็นได้รางวัลอะไรเลย...
*
ให้มึงไปเฝ้าเตี่ยมึง....(จะตั้งใจใช้ให้ไปกันอีดอก)
"แล้วทำไมม๊าไม่ไปเฝ้าป๊าเองหละ" (เห็นรักนักรักหนา)
"เดี๋ยวอีดอกมันผลักแม่มึงล้ม จะทำยังไง" (ห่วงตัวเองถูกเขาทำร้าย..แต่ไม่คิดถ้ากูถูกมันแทงตายล่ะ ไม่เสียดายเลย อีนี่ต้องใช้งานให้มันตกระกำลำบาก ให้แสนสาหัส)
*
วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554
25สค.54
ตอนเด็กๆ มีเสื้อกั๊กแขนกุด สีแดง 2 ตัว เราใส่ 1 ตัว ป้อมใส่ 1 ตัว เคยถามคุณนายวิภาว่าถักเองใช่มั้ย ตอบ "กูถักเอง" งั้นเราก็ถักเก่งเหมือนแม่สิ ใช่มะ?
*
แต่อันนี้ไม่รู้ใครตัด เป็นเสื้อแขนยาวใส่ตอนหน้าหนาว เป็นผ้าขนหนู "แฟ๊บ" ลายดอกสีน้ำเงิน พื้นสีขาว ใส่แล้วก็อุ่นดี มี 2 ตัว
*
ตอนนั้น ระหว่าบ้านเรากับบ้านโซ่ยเจ็ก มีสังกะสี กั้นอยู่ หลังบ้าน Ipop เดินลอดใต้ไม้คานอันบน แล้วคงจะโดนสังกะสีบาด คุณนายวิภาด่าเราว่า "ป๊อปซวยโดนสังกะสีบาดเลือดออก เพราะมึงเอากางเกงในไปตากบนไม้ มันเดินลอดผ่านใต้ไม้ เลยซวยโดนสังกะสีบาดเลือดออก"
กูเลวอีกแล้ว...มิน่าล่ะ
*
*
แต่อันนี้ไม่รู้ใครตัด เป็นเสื้อแขนยาวใส่ตอนหน้าหนาว เป็นผ้าขนหนู "แฟ๊บ" ลายดอกสีน้ำเงิน พื้นสีขาว ใส่แล้วก็อุ่นดี มี 2 ตัว
*
ตอนนั้น ระหว่าบ้านเรากับบ้านโซ่ยเจ็ก มีสังกะสี กั้นอยู่ หลังบ้าน Ipop เดินลอดใต้ไม้คานอันบน แล้วคงจะโดนสังกะสีบาด คุณนายวิภาด่าเราว่า "ป๊อปซวยโดนสังกะสีบาดเลือดออก เพราะมึงเอากางเกงในไปตากบนไม้ มันเดินลอดผ่านใต้ไม้ เลยซวยโดนสังกะสีบาดเลือดออก"
กูเลวอีกแล้ว...มิน่าล่ะ
*
22 สค.54
ที่คุณนายวิภาเคยซื้อให้ กระโปรงสีฟ้าเข้ม ลายดอกเล็กๆจุดๆ, กระเป๋าสะพานใบเล็ก ๆ ตอนคุณนายวิภาไปเที่ยวพม่า, เสื้อแจ็คเก็ตสีม่วงแดง (เปลือกองุ่นแดง)
*
คุณนายวิภาเคยให้ I Pop ขี่มอเตอร์ไซค์คาวาซากิคันใหญ่ (รถผู้ชาย) ไปส่งที่ พาณิชย์สีลม 1 ครั้ง
*
ไม่เคยได้นั่งรถมอเตอร์ไซค์ ของลูกชายคนเล็กเขา เวลาขี่ไปเรียนที่บพิตภิมุข สวนพลู ไอ้เรานั่งรถสองแถว ถ้าเลิกเรียนค่ำ เราก็เดินกลับทุกครั้ง
*
บางทีถ้ามะพร้าวขูดไม่พอขาย คุณนายวิภาก็ใช้ให้เราเดินไปซื้อที่ตลาดศาลาแดง จะมีบ้านนหนึ่ง เจ้เขาขายมะพร้าวขูดอย่างเดียว แล้วหิ้วกลับมาบ้าน พวกมึงเคยไปซื้อหรือเปล่า
*
ซื้อโต๊ะวางคอมพิวเตอร์มา 2,400 บาท I pop มันขอซื้อต่อครึ่งราคา ให้เงิน 1,200 บาท เราก็ยอมขายให้มัน
*
*
คุณนายวิภาเคยให้ I Pop ขี่มอเตอร์ไซค์คาวาซากิคันใหญ่ (รถผู้ชาย) ไปส่งที่ พาณิชย์สีลม 1 ครั้ง
*
ไม่เคยได้นั่งรถมอเตอร์ไซค์ ของลูกชายคนเล็กเขา เวลาขี่ไปเรียนที่บพิตภิมุข สวนพลู ไอ้เรานั่งรถสองแถว ถ้าเลิกเรียนค่ำ เราก็เดินกลับทุกครั้ง
*
บางทีถ้ามะพร้าวขูดไม่พอขาย คุณนายวิภาก็ใช้ให้เราเดินไปซื้อที่ตลาดศาลาแดง จะมีบ้านนหนึ่ง เจ้เขาขายมะพร้าวขูดอย่างเดียว แล้วหิ้วกลับมาบ้าน พวกมึงเคยไปซื้อหรือเปล่า
*
ซื้อโต๊ะวางคอมพิวเตอร์มา 2,400 บาท I pop มันขอซื้อต่อครึ่งราคา ให้เงิน 1,200 บาท เราก็ยอมขายให้มัน
*
วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554
20 สค.54 สมบัติชิ้นสุดท้าย / กลับไปบ้านที่ดินแดง คราวที่แล้ว
ที่ไปทวงมาได้ ก็คือ จี้ที่ซาโกวให้ กับได้สร้อยคอทอง 1 สลึงของอาผอ
เงินค่าเสียหาย 10,000 บาท ค่าเช่าของป๊า (ที่มันไม่อยากให้ 2,000)
บ้านและที่ดินเป็นล้านสองล้าน คุณนายวิภาไม่เอามาคิด ค่าเช่าก็พูดว่า "ต้องใช้ ต้องจ่าย ต้องซ่อม ต้องจ่ายค่าภาษี" ไม่เอามาคิด กันออกไป
แต่ของเรา ค่ารถไปกำแพง ทุกบาททุกสตางค์ คุณนายวิภาเอามาคิด เอามาพูดรวมทุกบาททุกสตางค์
ด่าได้ทุกเรื่อง เลวทุกเรื่อง ไม่มีอะไรดีในความคิดของคนเป็นแม่อย่างคุณนายวิภาเลย...
*
ตอนนี้สร้อยทองกับจี้ (ทอง90) เจ้าของร้านใจดี บอก จี้ถ้าเป็นทอง (ให้ราคาทองคำเลย)
ได้เงิน 5,000+3,000 เป็น 8,000 ต้องจ่ายค่าฝากทอง เดือนละ 160 บาท ทุกวันที่ 8
เล่าให้เขาฟัง..เขาบอก "น่าจะขอแบ่งได้นะ" / "เขาไม่ให้" / "ก็ค่อย ๆ นะ ใจเย็น ๆ"
*
พี่นวลบอกว่า "กว่าเขาจะเลี้ยงเราได้จนโตขนาดนี้ก็หมดไปเยอะเลยนะ บางทีเขาอาจจะหวังดีกับปูก็ได้..อย่าทิฐิ ยอม ๆ เขาบ้าง"
โห...ถ้าคำพูด การกระทำ สีหน้า หน้าตา คำพูด..แบบนี้ แสดงออกถึงความรัก ความเมตตา ความหวังดีแล้วล่ะก็....แม่คนอื่นบนโลกนี้ คงจะต้องเป็นแม่ที่เลวมาก หวังร้าย ชอบให้ลูกตกระกำลำบาก..ถ้าตายได้ยิ่งดี...ส่วนคุณนายวิภาเป็นแม่ที่ประเสริฐ เลิศล้ำ...ต้องการให้เรามีรายได้ วันละ 200 ก็พอกินแล้ว...."
*
คุณนายวิภาเคยพูด "มึงไม่ต้องมาเลี้ยงกู ไม่ต้องมาให้เงินกู ..ขออย่างเดียว ...อย่ามาเอาเงินของกูก็แล้วกัน" สาธุ สาธุ สาธุ
*
เงินค่าเสียหาย 10,000 บาท ค่าเช่าของป๊า (ที่มันไม่อยากให้ 2,000)
บ้านและที่ดินเป็นล้านสองล้าน คุณนายวิภาไม่เอามาคิด ค่าเช่าก็พูดว่า "ต้องใช้ ต้องจ่าย ต้องซ่อม ต้องจ่ายค่าภาษี" ไม่เอามาคิด กันออกไป
แต่ของเรา ค่ารถไปกำแพง ทุกบาททุกสตางค์ คุณนายวิภาเอามาคิด เอามาพูดรวมทุกบาททุกสตางค์
ด่าได้ทุกเรื่อง เลวทุกเรื่อง ไม่มีอะไรดีในความคิดของคนเป็นแม่อย่างคุณนายวิภาเลย...
*
ตอนนี้สร้อยทองกับจี้ (ทอง90) เจ้าของร้านใจดี บอก จี้ถ้าเป็นทอง (ให้ราคาทองคำเลย)
ได้เงิน 5,000+3,000 เป็น 8,000 ต้องจ่ายค่าฝากทอง เดือนละ 160 บาท ทุกวันที่ 8
เล่าให้เขาฟัง..เขาบอก "น่าจะขอแบ่งได้นะ" / "เขาไม่ให้" / "ก็ค่อย ๆ นะ ใจเย็น ๆ"
*
พี่นวลบอกว่า "กว่าเขาจะเลี้ยงเราได้จนโตขนาดนี้ก็หมดไปเยอะเลยนะ บางทีเขาอาจจะหวังดีกับปูก็ได้..อย่าทิฐิ ยอม ๆ เขาบ้าง"
โห...ถ้าคำพูด การกระทำ สีหน้า หน้าตา คำพูด..แบบนี้ แสดงออกถึงความรัก ความเมตตา ความหวังดีแล้วล่ะก็....แม่คนอื่นบนโลกนี้ คงจะต้องเป็นแม่ที่เลวมาก หวังร้าย ชอบให้ลูกตกระกำลำบาก..ถ้าตายได้ยิ่งดี...ส่วนคุณนายวิภาเป็นแม่ที่ประเสริฐ เลิศล้ำ...ต้องการให้เรามีรายได้ วันละ 200 ก็พอกินแล้ว...."
*
คุณนายวิภาเคยพูด "มึงไม่ต้องมาเลี้ยงกู ไม่ต้องมาให้เงินกู ..ขออย่างเดียว ...อย่ามาเอาเงินของกูก็แล้วกัน" สาธุ สาธุ สาธุ
*
มีจดหมาย
2 เดือน ไม่มีจดหมายจาก Lotus หรือ Verasu น่าจะมาทุกเดือน คนเปิดตู้จดหมายคงจะเอาทิ้งไปแล้ว..
แต่ถ้าเป็นจดหมายคูปองส่วนลดให้คุณพิมพา สุพรรณโกมุท มันคงเก็บไว้ให้คุณหนูหลิน
*
ตอนวูดดี้ ป.6 เราไปโรงเรียนนิธิฯ... I Pop มันไปหาครูประจำชั้นที่ห้อง ไม่รู้ไปพูดอะไรแล้ว แล้วก็เดินลงมา เรานั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวโรงอาหารโรงเรียน...มันมายืนด่า ด่า ด่า ด่า...ตะโกนเสียงดังลั่น ผู้คนก็มอง.เราก็นั่งเฉย ไม่ตอบโต้มันสักคำ...ต้องทำเหมือนมันไม่มีตัวตนอยู่...มันคงรู้สึกตัว ว่า "บ้า" มันก็เลิกด่า แล้วก็เดินไปเอง...
*
ตอนกลับมาจากเลี้ยงน้อง Poom มันพูด
"ทุกคนเขารักมึง พ่อแม่พี่น้องว่า ก็ยังดีกว่าไปให้คนอื่นดูถูก"
ที่บ้านดินแดง I Pop พูด "เช้า ๆ มึงก็ไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสันติภาพก็ได้ รักษาสุขภาพ"
(กูรู้ว่าความจริงพวกมึงไม่ได้เป็นคนใจดีอย่างปากหรอก...เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
มันเป็นเหมือนนิสัยเลว ๆ ที่พวกมึงเคยเป็น ไอ้ตอแหล)
แต่ถ้าเป็นจดหมายคูปองส่วนลดให้คุณพิมพา สุพรรณโกมุท มันคงเก็บไว้ให้คุณหนูหลิน
*
ตอนวูดดี้ ป.6 เราไปโรงเรียนนิธิฯ... I Pop มันไปหาครูประจำชั้นที่ห้อง ไม่รู้ไปพูดอะไรแล้ว แล้วก็เดินลงมา เรานั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวโรงอาหารโรงเรียน...มันมายืนด่า ด่า ด่า ด่า...ตะโกนเสียงดังลั่น ผู้คนก็มอง.เราก็นั่งเฉย ไม่ตอบโต้มันสักคำ...ต้องทำเหมือนมันไม่มีตัวตนอยู่...มันคงรู้สึกตัว ว่า "บ้า" มันก็เลิกด่า แล้วก็เดินไปเอง...
*
ตอนกลับมาจากเลี้ยงน้อง Poom มันพูด
"ทุกคนเขารักมึง พ่อแม่พี่น้องว่า ก็ยังดีกว่าไปให้คนอื่นดูถูก"
ที่บ้านดินแดง I Pop พูด "เช้า ๆ มึงก็ไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสันติภาพก็ได้ รักษาสุขภาพ"
(กูรู้ว่าความจริงพวกมึงไม่ได้เป็นคนใจดีอย่างปากหรอก...เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
มันเป็นเหมือนนิสัยเลว ๆ ที่พวกมึงเคยเป็น ไอ้ตอแหล)
*
วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554
08/08/2011
จำได้สมัยเด็ก ๆ (น่าจะยังเล็กอยู่) ม๊าพาไปตลาดคลองเตยไปซื้อไก่ไหว้เจ้า
ไปถึงก็เลือกไก่ในสุ่ม คนขายก็จับขา 2 ข้าง ห้อยไป เชือดคอ จุ่มน้ำร้อน ถอนขน
ใส่ถุงเอากลับบ้าน แจ๋จะเป็นคนถอนขนให้สะอาดล้างอีกทีนึง
*
โตหน่อย ม๊าก็พาขึ้นรถเมล์ไปลงเยาวราช ข้ามซอย CASIO จะมีร้านขายไก่ ก็เหมือนกัน
จะมีไก่เยอะแยะในสุ่ม ซื้อเสร็จก็ช่วยหิ้วกลับบ้าน
*
ไหว้อากง อาม่า ก็จะมีทอดหอยจ๊อ ...แต่ด้วยความที่ทอดไม่เป็น ใส่น้ำมันน้อย
ก็จะเหลืองเฉพาะรอยตัด ส่วนฟองเต้าตู้ ไม่กรอบ (ของทอดจริง ๆ ต้องน้ำมันท่วม)
ไฟอ่อนด้วย ก็อมน้ำมันนิดหน่อย..แต่กินกันหมดแหละ
*
พวกมึงเคยไปมั้ย ซื้อไก่ไหว้เจ้าน่ะ
*
ไปถึงก็เลือกไก่ในสุ่ม คนขายก็จับขา 2 ข้าง ห้อยไป เชือดคอ จุ่มน้ำร้อน ถอนขน
ใส่ถุงเอากลับบ้าน แจ๋จะเป็นคนถอนขนให้สะอาดล้างอีกทีนึง
*
โตหน่อย ม๊าก็พาขึ้นรถเมล์ไปลงเยาวราช ข้ามซอย CASIO จะมีร้านขายไก่ ก็เหมือนกัน
จะมีไก่เยอะแยะในสุ่ม ซื้อเสร็จก็ช่วยหิ้วกลับบ้าน
*
ไหว้อากง อาม่า ก็จะมีทอดหอยจ๊อ ...แต่ด้วยความที่ทอดไม่เป็น ใส่น้ำมันน้อย
ก็จะเหลืองเฉพาะรอยตัด ส่วนฟองเต้าตู้ ไม่กรอบ (ของทอดจริง ๆ ต้องน้ำมันท่วม)
ไฟอ่อนด้วย ก็อมน้ำมันนิดหน่อย..แต่กินกันหมดแหละ
*
พวกมึงเคยไปมั้ย ซื้อไก่ไหว้เจ้าน่ะ
*
วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554
5 สค.54 (ไปเอาเงิน 31 กค.54)
คุณนายแม่วิภาพูด "เตี่ยมึงเขาบอก ให้มึงใช้เดือนละพันก็พอ ...I ป๊อปบอกว่า เดือนละพันจะไปพอใช้อะไร ให้ไอ้ปูไปเดือนละ 2 พันแล้วกัน"
"โอ้โห...ทำไม I (Sas) ป๊อป มันช่างใจดีขนาดนี้ นี่ฐานกรุณาเลยนะเนี่ยให้ใช้เดือนละตั้ง 2 พัน
*
"คนเช่าห้องมีแค่ 10 กว่าห้องแค่นั้น ค่าซ่อมบ้าน จ่ายค่าภาษีก็หมดแล้ว"
(จริงเหรอ...แม่งซ่อมกันทั้งปีทั้งชาติเลยเหรอ...เป็นคนดีจริง ๆ จ่ายค่าภาษีก็หมด...ไม่มีค่าเช่าเหลือ)
*
ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด (เช่าห้องอยู่อาศัยนอนด้วย) ร้านส้มตำ ปากซอยประชาร่วมใจ 43 (2 เจ้า ไม่รู้ค่าเช่าเท่าไหร่)
*
ค่าเช่าห้อง ถ้า 10 กว่าห้อง ตีซะ 15 ห้อง ห้องละ 1,500 (รวมค่าน้ำค่าไฟ) น่าจะได้ประมาณ 22,500 บาท
ถ้าแค่ 10 ห้อง ก็ 15,000 (อย่างต่ำ ๆ เลย) ให้กูเดือนละตั้ง 2 พัน พวกมันครอบครัวใช้ 13,000
*
ตอนโน้น คุณนายวิภาถาม "จะมาเก็บค่าเช่าที่สีลมมั้ย"
"ไม่เอาหรอก" จะเอาได้ยังไง ในเมื่อคุณสุชาติ สุพรรณโกมุท เขาทำหน้าที่นี้อยู่ เป็นรายได้ของเขา
เราก็ไม่กล้าแย่งหรอก เขามีลูกมีเมียต้องเลี้ยง
*
กูไม่อยู่แย่งที่ทำมาหากิน 3-4 ปี พวกมึงเหนื่อยเหรอ ทำกันเอง มีเงินมีรายได้ ไม่ได้ให้กูสักบาท
เป็นของพวกมึงทั้งน้าน ....
*
แต่พอได้ของมีราคา...(ทั้งบ้านและที่ดิน) ก็ดัดจริตทำเป็นมีน้ำใจ ยกให้ขายของชำ โชห่วยให้...
ถุย...เหลือเดนจากที่พวกมึงไม่เอา...มันเหนื่อยนี่...ถ้างานสบาย เงินดี พวกมึงจะไม่เอาไว้เองเหรอ
ไอเดียคุณนายแม่วิภานี่ ยอดเยี่ยมจริง ๆ เลย
*
แจ๋บอก "ขายผักจะยกให้ไอ้แตงกับผัวมันขาย ส่วนโชห่วยแม่เอ็งจะขายเอง เอ็งมาขายโชห่วยมั้ยละ ไม่ต้องกลัวเหนื่อย ไม่เหนื่อยหรอก"
"เชอะ คนอย่างกูน่ะเหรอ กลัวเหนื่อย ช่วยขายมาตั้งแต่เด็ก จับมาหมดทุกอย่าแล้ว เคยบ่นว่าเหนื่อยมั้ย...ช่วยทำมาหากินตั้งแต่เด็ก ไม่สมควรได้อะไรเลย ก็ต้องสมควรตาย ...พวกแม่งแทบจะไม่ได้ทำอะไร กลับได้ไปกันจนหมด"
"ก็มึงบอก ไม่เอาไง"
"งั้นเหรอ งั้นก็ถือว่ากูปากไม่ดีเอง ไม่ได้ก็ไม่เอา"
*
"ถ้าพวกมันไม่จ่ายค่าเสียหาย กูจะเผาบ้านที่พวกมันอยู่...กูจะจุดธูปแช่งให้พวกแม่งตายทั้งครอบครัว (ซ้ำ ๆ ๆ ๆ "
"ตารางมีเอาไว้ขังหมาหรอก"
"กลัวอะไรกับตาราง ดีสิ..มีข้าวกินฟรี มีที่นอนฟรี"
(สงสัยกลัวลูกชายสุดที่รักจะโดนแช่งตาย...เลยจำใจจ่ายค่าเสียหายให้...ตอนแรกบอก "ฝันไปเถอะ")
*
"โอ้โห...ทำไม I (Sas) ป๊อป มันช่างใจดีขนาดนี้ นี่ฐานกรุณาเลยนะเนี่ยให้ใช้เดือนละตั้ง 2 พัน
*
"คนเช่าห้องมีแค่ 10 กว่าห้องแค่นั้น ค่าซ่อมบ้าน จ่ายค่าภาษีก็หมดแล้ว"
(จริงเหรอ...แม่งซ่อมกันทั้งปีทั้งชาติเลยเหรอ...เป็นคนดีจริง ๆ จ่ายค่าภาษีก็หมด...ไม่มีค่าเช่าเหลือ)
*
ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด (เช่าห้องอยู่อาศัยนอนด้วย) ร้านส้มตำ ปากซอยประชาร่วมใจ 43 (2 เจ้า ไม่รู้ค่าเช่าเท่าไหร่)
*
ค่าเช่าห้อง ถ้า 10 กว่าห้อง ตีซะ 15 ห้อง ห้องละ 1,500 (รวมค่าน้ำค่าไฟ) น่าจะได้ประมาณ 22,500 บาท
ถ้าแค่ 10 ห้อง ก็ 15,000 (อย่างต่ำ ๆ เลย) ให้กูเดือนละตั้ง 2 พัน พวกมันครอบครัวใช้ 13,000
*
ตอนโน้น คุณนายวิภาถาม "จะมาเก็บค่าเช่าที่สีลมมั้ย"
"ไม่เอาหรอก" จะเอาได้ยังไง ในเมื่อคุณสุชาติ สุพรรณโกมุท เขาทำหน้าที่นี้อยู่ เป็นรายได้ของเขา
เราก็ไม่กล้าแย่งหรอก เขามีลูกมีเมียต้องเลี้ยง
*
กูไม่อยู่แย่งที่ทำมาหากิน 3-4 ปี พวกมึงเหนื่อยเหรอ ทำกันเอง มีเงินมีรายได้ ไม่ได้ให้กูสักบาท
เป็นของพวกมึงทั้งน้าน ....
*
แต่พอได้ของมีราคา...(ทั้งบ้านและที่ดิน) ก็ดัดจริตทำเป็นมีน้ำใจ ยกให้ขายของชำ โชห่วยให้...
ถุย...เหลือเดนจากที่พวกมึงไม่เอา...มันเหนื่อยนี่...ถ้างานสบาย เงินดี พวกมึงจะไม่เอาไว้เองเหรอ
ไอเดียคุณนายแม่วิภานี่ ยอดเยี่ยมจริง ๆ เลย
*
แจ๋บอก "ขายผักจะยกให้ไอ้แตงกับผัวมันขาย ส่วนโชห่วยแม่เอ็งจะขายเอง เอ็งมาขายโชห่วยมั้ยละ ไม่ต้องกลัวเหนื่อย ไม่เหนื่อยหรอก"
"เชอะ คนอย่างกูน่ะเหรอ กลัวเหนื่อย ช่วยขายมาตั้งแต่เด็ก จับมาหมดทุกอย่าแล้ว เคยบ่นว่าเหนื่อยมั้ย...ช่วยทำมาหากินตั้งแต่เด็ก ไม่สมควรได้อะไรเลย ก็ต้องสมควรตาย ...พวกแม่งแทบจะไม่ได้ทำอะไร กลับได้ไปกันจนหมด"
"ก็มึงบอก ไม่เอาไง"
"งั้นเหรอ งั้นก็ถือว่ากูปากไม่ดีเอง ไม่ได้ก็ไม่เอา"
*
"ถ้าพวกมันไม่จ่ายค่าเสียหาย กูจะเผาบ้านที่พวกมันอยู่...กูจะจุดธูปแช่งให้พวกแม่งตายทั้งครอบครัว (ซ้ำ ๆ ๆ ๆ "
"ตารางมีเอาไว้ขังหมาหรอก"
"กลัวอะไรกับตาราง ดีสิ..มีข้าวกินฟรี มีที่นอนฟรี"
(สงสัยกลัวลูกชายสุดที่รักจะโดนแช่งตาย...เลยจำใจจ่ายค่าเสียหายให้...ตอนแรกบอก "ฝันไปเถอะ")
*
5 สค.54 ความดีของ E Dog เยาพันธ์...ไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งที่ม๊าขายของอยู่สีลมคนเดียว งก งก งก แต่มันกระแดดัดจริตไปทำบุญ 9 วัด
"ไอ้โน่ ไฟดวงไหนไม่ใช่ก็ปิดมั่ง รู้มั้ยค่าไฟเดือนนี้เท่าไหร่" (น้ำเสียงดัดจริต พูดเสียงดัง แสดงความมีอำนาจ)
(เราก็เซ๊อ เซ่อ ไม่รู้ว่า Edog เยาว..มาเอาโน่มาด่าประชดเรา ...กูเพิ่งกลับมาอยู่บ้านดินแดงได้วันแรก
*
มีเศษใยผ้าในถุงกรองเครื่องซักผ้า เราเอาออกมาทิ้งลงบนพื้น อยากรู้ว่า Edog เยาวมันเป็นคนดี สะอาดจริงเหรอ...ปรากฏว่า..ไม่รู้ว่า Eโรคจิตคนไหน...หยิบเศษใยผ้าพวกนั้น ขึ้นมาวางบนโต๊ะที่วูดี้ดีโน่ ใช้กินข้าว
*
มีป้ายติดกระเป๋าเดินทางเครื่องบิน BKK ป้ายาว ๆ สีขาว ตกอยู่ที่พื้นครัว เป็นเดือนแล้ว มันก็อยู่อย่างนั้น มีอยู่วันหนึ่ง ...ป้ายนั้นมันลอยขึ้นไปอยู่ในอ่างล้างชาม ซิงค์ได้อย่างไร...เราก็หยิบทิ้งลงพื้นอย่างเดิม
*
มีคนลอกปากท่องระบายน้ำในครัว เสร็จแล้วใส่ถุงพลาสติก แต่ไม่เอาไปทิ้ง เศษดำ ๆ เหม็น ๆ อยู่ในถุงเปิดปากถุงเอาไว้ แขวนบนอ่างล้างชาม เราก็ต้องผูกปากถุงแล้วเอาไปทิ้งถังขยะหน้าบ้าน...นี่น่ะเหรอ คนดี คนสะอาด (ดีแต่เปลือก)
*
วันหนึ่ง วูดดี้กลับบ้านค่ำ 2 ทุ่มแล้วยังไม่กลับ
ให้โน่โทร.หาแม่ บอกแม่ แม่มันก็เป็นห่วง โทร.กลับมา
I Pop กับ Edog เยาวพันธ์ (สงสัยผีเข้า) ด่าสาวแม่วูดดี้ "มันบ้า แม่งบ้า ฯลฯ" ตะโกนด่าดังลั่น
*
มีเศษกระดาษทิชชู สีส้ม (สีนี้ ป้อมให้อยู่) ตกอยู่ที่พื้น
ไม่รู้ Eโรคจิตคนไหน หยิบเศษทิชชู 2-3 ที่หล่นพื้น ใส่ในถ้วยมีหู เมลามีน ที่เด็ก ๆ ใช้ใส่น้ำดื่ม
ดูซิ มัน เหีย ไม้โท...ขนาดไหน...มันคิดว่าความชั่วไม่รั่วออกนอกบ้าน
ใคร ๆ ก็พูดว่าพวกมันดี
*
ปีกไก่เหลือจากที่พวกมันกับน้องสาวของ Edog เยาว เหลือ 1 ปีก มันก็วางบนตะแกรงในตู้เย็นอย่างนั้นเลย ไม่ใส่ถ้วย เราก็เอาถ้วยมาใส่...อยู่อย่างนั้น (บอกเด็กว่าอย่าไปกินมันเลย) วันหนึ่ง ถ้วยที่ใส่ปีกไก่(เหลือเดน) ไปทิ้งเหลือถ้วยเปล่าในตู้เย็น วันต่อมาถ้วยนั้นก็มาอยู่ในตู้กับข้าว (ไม่ได้ล้างเก็บ) เราเลยหยิบถ้วยตาไก่นั้น ใส่ถุงทุบทิ้งเสียเลยดีกว่า Eเลว
*
วันหนึ่งเดินลงมา ลูกสาวมันร้องไห้อยู่
Edog เยาวพันธ์ ตะโกนด่าลูกมันดังลั่น "มึงจะร้องทำไมฮ้า มึงจะร้องทำไม" เสียงดัง มีอำนาจ เคียดแค้น
*
วันหนึ่งเดินลงมา Edogเยาวพันธ์ ได้ยินเสียงรองเท้าเราดินลงมา (เดินมันกำลังกวาดอยู่หน้าห้องมัน)
มันเอาตัวมันไปแอบในห้องชั้น3 แล้วเอาไม้กวาด กวาดขี้ฝุ่นหน้าห้องออกมา กวาดอย่างแรง ไอ้เราก็กลั้นหายใจ..ไม่เอาฝุ่นชั่วของพวกมัน รีบเดินลง ไม่อยากหาเรื่องมัน...ตัวเล็ก แต่....ใหญ่มาก...
*
อ้อ เราเอาที่ตากผ้าไปตากที่ระเบียงหน้าห้องวูดดี้ชั้น 3 มีเสื้อตากอยู่ 1 ตัว
อีนี่กลับมาจากสีลม ไม่รู้เป็นโรคจิตหรือเปล่า...เกะกะมันขนาดไหน ชอบดันไปแอบ ๆ ริมกำแพงปูน ทุกที เป็นอย่างนี้หลายครั้ง จนทนไม่ได้ (เราก็ไม่ได้ตั้งกลางพื้นที่ตรงกลาง) กระแทกใส่มัน แม่งทำเป็นหงิม ๆ ไอ้ผัวชั่วของมันก็ออกมาด่า...เลยเลิกตากชั้น3 ตากในห้องชั้น2นั่นแหละ ไม่แห้งก็ชั่งมัน
*
วันหนึ่งเดินลงมา "จนไม่มีจะแดกแล้วยังยิ่งอีก" มันดูละครทีวีอยู่
ไม่รู้ว่ามันพูดกระแทก...
*
Edog เยาวพันธ์ใช้ให้โน่ไปกรอกน้ำชั้นล่าง พูด "ทำงานมั่ง ทำงานมั่ง" (โดนมันด่ากระแทกให้อีกแล้ว ไม่รู้ตัว)
พวกมันใช้ให้เด็ก เอาขยะของพวกมันไปทิ้งหน้าบ้าน อีสานสันดานไพร่ (คงมีคนเดียวในโลกนี้) ...ทำเองแต่ไม่ทิ้งเอง...ลูกเขามีแม่...แม่ของEdogเยาว์ ก็ไม่สั่งไม่สอน...
*
คุณนายวิภาพูด "เดือนนี้ค่าไฟ 3 พัน" (กลับมาอยู่บ้านดินแดงได้ 2 เดือน)
กูใช้แค่พัดลม 1 ตัว ไฟนีออน 1 ดวง เปิดทั้งทั้งคืนจะเท่ากับพวกมันเปิดแอร์นอน 1 คืนมั้ย
หน้าร้อนพวกมันเปิดแอร์นอนทุกวัน วันอาทิตย์วันหยุด(ทำงาน)ของพวกมัน ทำเหมือนทำงาน office เลย
เปิดแอร์ยัน 7 โมง 8 โมง...นี่นอนอย่างมีความสุขบนมรดกบ้านและที่ดินที่ ปากซอยประชาร่วมใจ 43 ก็คงไม่แคล้วเปิดแอร์นอนเหมือนกันแหละ
*
นึกอะไรออก เดี๋ยวมาเขียนต่อ ถ้ากูยังไม่ตาย
*
อีนาง..ดัดจริต..กระป๋องเหล็กใส่หมูหยอง (ของเก่าของแก่) มีหูหิ้ว ม๊าเขาใส่เอกสารของของเขา EDog ก็ดัดจริตเอารองเท้าไปวางบนกระป๋อง วางบนพื้นไม่เป็น (เดี๋ยวจะหยิบยาก)
*
ป้อมหรือแฟนเขาทำน้ำยาปรับผ้านุ่มหกบนเตียงไม้นั่ง มีคนเขียน "หัดเช็ดซะบ้าง" น่าจะลายมีของ EDog ไม่ใช่ลายมือไอ้ป๊อป (ตอนแรกเราก็คิดว่าจะเช็ด เดี๋ยวลงมาอีกที ก่อนที่มันจะเอากระดาษแผ่นนี้มาแปะ"
แต่เราตั้งใจจะเช็ดอยู่แล้ว ก็เช็ดให้สะอาด ไม่ให้ลื่นเหนียว ทิชชู แล้วฉีดน้ำเช็ดด้วยทิชชูให้สะอาด
เขียนด่ากลับไป อะไรบ้างจำไม่ได้แล้ว...(พวกมึงสะอาดแค่ไหนกันเชียว สะอาดแต่เปลือก แต่จิตใจ สกปกโสโครก ทำบุญ 9 วัด (ดัดจริตกลับบ้านนอกไปหลายวัน ปล่อยให้แม่ของผัวมันขายของ งก งก งก)
ทำบุญ 9 วัด แต่แย่งผัวชาวบ้านมาทำผัวตัวเอง..E หน้าด้าน
..ต้นงิ้วกระทะทองแดง เอาหอกแหลมแทงทุกวัน ทุกวัน...
*
(เราก็เซ๊อ เซ่อ ไม่รู้ว่า Edog เยาว..มาเอาโน่มาด่าประชดเรา ...กูเพิ่งกลับมาอยู่บ้านดินแดงได้วันแรก
*
มีเศษใยผ้าในถุงกรองเครื่องซักผ้า เราเอาออกมาทิ้งลงบนพื้น อยากรู้ว่า Edog เยาวมันเป็นคนดี สะอาดจริงเหรอ...ปรากฏว่า..ไม่รู้ว่า Eโรคจิตคนไหน...หยิบเศษใยผ้าพวกนั้น ขึ้นมาวางบนโต๊ะที่วูดี้ดีโน่ ใช้กินข้าว
*
มีป้ายติดกระเป๋าเดินทางเครื่องบิน BKK ป้ายาว ๆ สีขาว ตกอยู่ที่พื้นครัว เป็นเดือนแล้ว มันก็อยู่อย่างนั้น มีอยู่วันหนึ่ง ...ป้ายนั้นมันลอยขึ้นไปอยู่ในอ่างล้างชาม ซิงค์ได้อย่างไร...เราก็หยิบทิ้งลงพื้นอย่างเดิม
*
มีคนลอกปากท่องระบายน้ำในครัว เสร็จแล้วใส่ถุงพลาสติก แต่ไม่เอาไปทิ้ง เศษดำ ๆ เหม็น ๆ อยู่ในถุงเปิดปากถุงเอาไว้ แขวนบนอ่างล้างชาม เราก็ต้องผูกปากถุงแล้วเอาไปทิ้งถังขยะหน้าบ้าน...นี่น่ะเหรอ คนดี คนสะอาด (ดีแต่เปลือก)
*
วันหนึ่ง วูดดี้กลับบ้านค่ำ 2 ทุ่มแล้วยังไม่กลับ
ให้โน่โทร.หาแม่ บอกแม่ แม่มันก็เป็นห่วง โทร.กลับมา
I Pop กับ Edog เยาวพันธ์ (สงสัยผีเข้า) ด่าสาวแม่วูดดี้ "มันบ้า แม่งบ้า ฯลฯ" ตะโกนด่าดังลั่น
*
มีเศษกระดาษทิชชู สีส้ม (สีนี้ ป้อมให้อยู่) ตกอยู่ที่พื้น
ไม่รู้ Eโรคจิตคนไหน หยิบเศษทิชชู 2-3 ที่หล่นพื้น ใส่ในถ้วยมีหู เมลามีน ที่เด็ก ๆ ใช้ใส่น้ำดื่ม
ดูซิ มัน เหีย ไม้โท...ขนาดไหน...มันคิดว่าความชั่วไม่รั่วออกนอกบ้าน
ใคร ๆ ก็พูดว่าพวกมันดี
*
ปีกไก่เหลือจากที่พวกมันกับน้องสาวของ Edog เยาว เหลือ 1 ปีก มันก็วางบนตะแกรงในตู้เย็นอย่างนั้นเลย ไม่ใส่ถ้วย เราก็เอาถ้วยมาใส่...อยู่อย่างนั้น (บอกเด็กว่าอย่าไปกินมันเลย) วันหนึ่ง ถ้วยที่ใส่ปีกไก่(เหลือเดน) ไปทิ้งเหลือถ้วยเปล่าในตู้เย็น วันต่อมาถ้วยนั้นก็มาอยู่ในตู้กับข้าว (ไม่ได้ล้างเก็บ) เราเลยหยิบถ้วยตาไก่นั้น ใส่ถุงทุบทิ้งเสียเลยดีกว่า Eเลว
*
วันหนึ่งเดินลงมา ลูกสาวมันร้องไห้อยู่
Edog เยาวพันธ์ ตะโกนด่าลูกมันดังลั่น "มึงจะร้องทำไมฮ้า มึงจะร้องทำไม" เสียงดัง มีอำนาจ เคียดแค้น
*
วันหนึ่งเดินลงมา Edogเยาวพันธ์ ได้ยินเสียงรองเท้าเราดินลงมา (เดินมันกำลังกวาดอยู่หน้าห้องมัน)
มันเอาตัวมันไปแอบในห้องชั้น3 แล้วเอาไม้กวาด กวาดขี้ฝุ่นหน้าห้องออกมา กวาดอย่างแรง ไอ้เราก็กลั้นหายใจ..ไม่เอาฝุ่นชั่วของพวกมัน รีบเดินลง ไม่อยากหาเรื่องมัน...ตัวเล็ก แต่....ใหญ่มาก...
*
อ้อ เราเอาที่ตากผ้าไปตากที่ระเบียงหน้าห้องวูดดี้ชั้น 3 มีเสื้อตากอยู่ 1 ตัว
อีนี่กลับมาจากสีลม ไม่รู้เป็นโรคจิตหรือเปล่า...เกะกะมันขนาดไหน ชอบดันไปแอบ ๆ ริมกำแพงปูน ทุกที เป็นอย่างนี้หลายครั้ง จนทนไม่ได้ (เราก็ไม่ได้ตั้งกลางพื้นที่ตรงกลาง) กระแทกใส่มัน แม่งทำเป็นหงิม ๆ ไอ้ผัวชั่วของมันก็ออกมาด่า...เลยเลิกตากชั้น3 ตากในห้องชั้น2นั่นแหละ ไม่แห้งก็ชั่งมัน
*
วันหนึ่งเดินลงมา "จนไม่มีจะแดกแล้วยังยิ่งอีก" มันดูละครทีวีอยู่
ไม่รู้ว่ามันพูดกระแทก...
*
Edog เยาวพันธ์ใช้ให้โน่ไปกรอกน้ำชั้นล่าง พูด "ทำงานมั่ง ทำงานมั่ง" (โดนมันด่ากระแทกให้อีกแล้ว ไม่รู้ตัว)
พวกมันใช้ให้เด็ก เอาขยะของพวกมันไปทิ้งหน้าบ้าน อีสานสันดานไพร่ (คงมีคนเดียวในโลกนี้) ...ทำเองแต่ไม่ทิ้งเอง...ลูกเขามีแม่...แม่ของEdogเยาว์ ก็ไม่สั่งไม่สอน...
*
คุณนายวิภาพูด "เดือนนี้ค่าไฟ 3 พัน" (กลับมาอยู่บ้านดินแดงได้ 2 เดือน)
กูใช้แค่พัดลม 1 ตัว ไฟนีออน 1 ดวง เปิดทั้งทั้งคืนจะเท่ากับพวกมันเปิดแอร์นอน 1 คืนมั้ย
หน้าร้อนพวกมันเปิดแอร์นอนทุกวัน วันอาทิตย์วันหยุด(ทำงาน)ของพวกมัน ทำเหมือนทำงาน office เลย
เปิดแอร์ยัน 7 โมง 8 โมง...นี่นอนอย่างมีความสุขบนมรดกบ้านและที่ดินที่ ปากซอยประชาร่วมใจ 43 ก็คงไม่แคล้วเปิดแอร์นอนเหมือนกันแหละ
*
นึกอะไรออก เดี๋ยวมาเขียนต่อ ถ้ากูยังไม่ตาย
*
อีนาง..ดัดจริต..กระป๋องเหล็กใส่หมูหยอง (ของเก่าของแก่) มีหูหิ้ว ม๊าเขาใส่เอกสารของของเขา EDog ก็ดัดจริตเอารองเท้าไปวางบนกระป๋อง วางบนพื้นไม่เป็น (เดี๋ยวจะหยิบยาก)
*
ป้อมหรือแฟนเขาทำน้ำยาปรับผ้านุ่มหกบนเตียงไม้นั่ง มีคนเขียน "หัดเช็ดซะบ้าง" น่าจะลายมีของ EDog ไม่ใช่ลายมือไอ้ป๊อป (ตอนแรกเราก็คิดว่าจะเช็ด เดี๋ยวลงมาอีกที ก่อนที่มันจะเอากระดาษแผ่นนี้มาแปะ"
แต่เราตั้งใจจะเช็ดอยู่แล้ว ก็เช็ดให้สะอาด ไม่ให้ลื่นเหนียว ทิชชู แล้วฉีดน้ำเช็ดด้วยทิชชูให้สะอาด
เขียนด่ากลับไป อะไรบ้างจำไม่ได้แล้ว...(พวกมึงสะอาดแค่ไหนกันเชียว สะอาดแต่เปลือก แต่จิตใจ สกปกโสโครก ทำบุญ 9 วัด (ดัดจริตกลับบ้านนอกไปหลายวัน ปล่อยให้แม่ของผัวมันขายของ งก งก งก)
ทำบุญ 9 วัด แต่แย่งผัวชาวบ้านมาทำผัวตัวเอง..E หน้าด้าน
..ต้นงิ้วกระทะทองแดง เอาหอกแหลมแทงทุกวัน ทุกวัน...
*
5 สค.54
ทำงาน office วันหยุดมั้ง ป๊าเรียกให้ไปตลาดด้วย ก็ไป ป๊าขับรถตู้ไป
ไม่เคยเห็นลูกชายไปด้วยเลย..
วันที่เขาเทพื้นในซอย เราก็หิ้วตระกร้าผัก ตะกร้าหมู จากปากซอย(หมอชูช่วง)ไปบ้าน เดินไปกลับตั้งหลายเที่ยว...ไม่เคยบ่นสักคำ
*
วันนั้น ผู้หญิงคนนั้น หยิบสติ๊กเกอร์แต่งรถมอเตอร์ไซค์ของ I POP ไป เราเห็นเราก็บอก IPop เรียกเอาสติ๊กเกอร์พวกนั้นคืนมาได้...มันยังพูด "ผู้หญิงคนนี้เคยโดยข่มขืน" มึงเป็นผู้ชาย พูดอย่างนี้ แม่งไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย...วันนี้มึงมีลูกสาวแล้ว ระวังให้ดีแล้วกัน อยู่ในทำเลอย่างนั้น..ไม่แคล้วเหมือนกันหร๊อก..EDogเยาวพันธ์ก็ไม่แคล้วหรอก เดี๋ยวก็คงเอาผัว (หนุ่ม) แถวนั้น ฟันธง(ให้ขาดยังได้เลย)
*
เราอยู่หน้าบ้าน...ขนาดป๊า..ไอ้หนุ่มแถวบ้านพูด "เดี๋ยวเปิดกระโปรง (รถ) อะไรทำนองเนี่ย" ป๊ายังวิ่งไล่เตะไอ้หมอนั่นซะเหนื่อย (เขาหนีไปได้ รอดตาย)
*
I POP ไม่รู้นี่ ว่ามึงอยากให้รถมอเตอร์ไซค์ ยามาฮ่าสีแดง หาย
ถ้ารู้ กูจะไม่ขยับรถ (ล็อคคอ)ด้วย เอาเข้าบ้านดินแดงให้มึง
แน่ใจเหรอ ว่าถ้ารถหายแล้ว ประกันเขาจะจ่าย...ไอ้ขี้โกง
*
กูไม่ได้ทวงบุญคุณพวกมึงหรอก เพราะพวกมึงไม่ได้ถูกสอนให้สำนึกบุญคุณคน แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
ผลประโยชน์คำเดียวเท่านั้น...ที่ซึมซับ รับอิทธิพลจากคุณนายแม่วิภามาเต็ม ๆ
*
จำได้สมัยเด็ก ๆ คุณม๊าไปธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ (สมัยนั้น) พาเราไปเป็นเพื่อน
ไปเปิดเช่าตู้นิรภัย เอาโฉนดที่ดินและของมีค่าไปเก็บที่นั่น ค่าเช่าตู้ปีละ300บาทมั้ง
วันนั้นก็คงไปเอาทองที่อาผอให้เราพร้อมพระเลี่ยมทอง 1 สลึง ที่นั่น
*
คุณนายแม่วิภา สมัยโน้น ชอบด่าว่า "พี่เตี้ย" ขายส้มตำ ลาบน้ำตก (นอนใต้โต๊ะที่ขายของ) เขาก็ซื้อของร้านเราตลอด ก็ไปด่าเขา "ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ ฯลฯ" จนวันหนึ่ง เขาคงทนไม่ได้ เราเดินออกจากบ้านมาได้ยินเสียงพี่เตี้ย ตะโกนด่ากลับไปดังลั่น "ทนไม่ไหวแล้วโว้ย ด่าอยู่ได้ ฯลฯ ...(จำไม่ได้แล้ว)" เป็นมาตั้งแต่สาวยันแก่จนป่านนี้ ยังชอบด่าลูกค้า เขามาซื้อของ เขาไม่ได้มาขอ เขาเอาเงินมาให้ อย่างพี่ส้มก็ไป่เขา "เสียวพั้วๆๆ" สงสัยว่าสักวันก็คงจะต้องโดนลูกค้าด่ากลับมาเหมือนกันอีกนั่นแหละ ฟันธง(ให้ขาด)
*
ไปบ้านซ่อแม่เจี๊ยบ ก็ชอบไปพูดเรื่อง "มรดก" ว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้
เรื่องของครอบครัวเขา เขารู้ดีว่า สมบัติอะไรของใคร ใครควรได้รับอะไร เท่าไหร่
เขามีสมอง เขาคิดเองได้ คุณนายแม่วิภา ชอบไปพูด คนนั้นต้องให้นั้นให้นี่
อย่างเจี๊ยบ เขาก็รุ่นหลาน (ลูกก๊อชุ้น) ลูกสาว เขายังได้ที่ดินไม่ใช่เหรอ ทั้งที่ก๊อชุ้นเขาตายเพราะถูกยิงแย่งรถสิบล้อ...ตั้งหลายสิบปีแล้ว...เขาไม่ได้สั่งอะไร ลูกสาวเขายังได้เลย
แซ่คิ้ว...ให้มรดก เงินทอง ให้กุ้งลูกสาวคนเดียวไปทำมาหากิน..
*
หรือว่าคุณนายวิภา ตอนสมัยแยกครอบครัวออกมา อากุ๊ง อาผอ ไม่ให้สมบัติ ไม่ได้ให้อะไรลูกสาวคนเล็กมาทำมาหากิน (ร่ำรวย มีเงิน มีทอง มีตึก...ก็ยกให้ลูกชาย 2 คน ...สมบัติ มรดก อากง อาม่า...ที่ให้ลูกชายนายสมศักดิ์ สุพรรณโกมุท พอตาย...เขาก็ยกให้ลูกชาย 2 คนของเขาเท่านั้นเหรอ...พวกมึงสามัญสำนึกมีกันบ้างมั้ย...กู ลูกสาว(น่าจะใช่)คนเดียวของเขา ไม่มีสมบัติ มรดก อะไรติดตัวเลย นอกจากเงิน 14,000 ทีวีเก่าเจ๊ง ดูไม่ได้ (ช๊อต) เครื่องเล่นดีวีดีเก่า
*
ขอให้พวกมึงจงเจริญ บนทรัพย์สิน มรดกของอากง อาม่า...ส่วนกูเป็นหมาข้างถนน
*
ยังสงสัยอยู่ เคยมีอยู่วัน คุณนายแม่วิภานั่งรถสามล้อไปกับแจ๋ เอาทองไปขาย รู้สึกว่าตอนนั้นราคาจะขึ้น
*
ไม่เคยเห็นลูกชายไปด้วยเลย..
วันที่เขาเทพื้นในซอย เราก็หิ้วตระกร้าผัก ตะกร้าหมู จากปากซอย(หมอชูช่วง)ไปบ้าน เดินไปกลับตั้งหลายเที่ยว...ไม่เคยบ่นสักคำ
*
วันนั้น ผู้หญิงคนนั้น หยิบสติ๊กเกอร์แต่งรถมอเตอร์ไซค์ของ I POP ไป เราเห็นเราก็บอก IPop เรียกเอาสติ๊กเกอร์พวกนั้นคืนมาได้...มันยังพูด "ผู้หญิงคนนี้เคยโดยข่มขืน" มึงเป็นผู้ชาย พูดอย่างนี้ แม่งไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย...วันนี้มึงมีลูกสาวแล้ว ระวังให้ดีแล้วกัน อยู่ในทำเลอย่างนั้น..ไม่แคล้วเหมือนกันหร๊อก..EDogเยาวพันธ์ก็ไม่แคล้วหรอก เดี๋ยวก็คงเอาผัว (หนุ่ม) แถวนั้น ฟันธง(ให้ขาดยังได้เลย)
*
เราอยู่หน้าบ้าน...ขนาดป๊า..ไอ้หนุ่มแถวบ้านพูด "เดี๋ยวเปิดกระโปรง (รถ) อะไรทำนองเนี่ย" ป๊ายังวิ่งไล่เตะไอ้หมอนั่นซะเหนื่อย (เขาหนีไปได้ รอดตาย)
*
I POP ไม่รู้นี่ ว่ามึงอยากให้รถมอเตอร์ไซค์ ยามาฮ่าสีแดง หาย
ถ้ารู้ กูจะไม่ขยับรถ (ล็อคคอ)ด้วย เอาเข้าบ้านดินแดงให้มึง
แน่ใจเหรอ ว่าถ้ารถหายแล้ว ประกันเขาจะจ่าย...ไอ้ขี้โกง
*
กูไม่ได้ทวงบุญคุณพวกมึงหรอก เพราะพวกมึงไม่ได้ถูกสอนให้สำนึกบุญคุณคน แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
ผลประโยชน์คำเดียวเท่านั้น...ที่ซึมซับ รับอิทธิพลจากคุณนายแม่วิภามาเต็ม ๆ
*
จำได้สมัยเด็ก ๆ คุณม๊าไปธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ (สมัยนั้น) พาเราไปเป็นเพื่อน
ไปเปิดเช่าตู้นิรภัย เอาโฉนดที่ดินและของมีค่าไปเก็บที่นั่น ค่าเช่าตู้ปีละ300บาทมั้ง
วันนั้นก็คงไปเอาทองที่อาผอให้เราพร้อมพระเลี่ยมทอง 1 สลึง ที่นั่น
*
คุณนายแม่วิภา สมัยโน้น ชอบด่าว่า "พี่เตี้ย" ขายส้มตำ ลาบน้ำตก (นอนใต้โต๊ะที่ขายของ) เขาก็ซื้อของร้านเราตลอด ก็ไปด่าเขา "ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ ฯลฯ" จนวันหนึ่ง เขาคงทนไม่ได้ เราเดินออกจากบ้านมาได้ยินเสียงพี่เตี้ย ตะโกนด่ากลับไปดังลั่น "ทนไม่ไหวแล้วโว้ย ด่าอยู่ได้ ฯลฯ ...(จำไม่ได้แล้ว)" เป็นมาตั้งแต่สาวยันแก่จนป่านนี้ ยังชอบด่าลูกค้า เขามาซื้อของ เขาไม่ได้มาขอ เขาเอาเงินมาให้ อย่างพี่ส้มก็ไป่เขา "เสียวพั้วๆๆ" สงสัยว่าสักวันก็คงจะต้องโดนลูกค้าด่ากลับมาเหมือนกันอีกนั่นแหละ ฟันธง(ให้ขาด)
*
ไปบ้านซ่อแม่เจี๊ยบ ก็ชอบไปพูดเรื่อง "มรดก" ว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้
เรื่องของครอบครัวเขา เขารู้ดีว่า สมบัติอะไรของใคร ใครควรได้รับอะไร เท่าไหร่
เขามีสมอง เขาคิดเองได้ คุณนายแม่วิภา ชอบไปพูด คนนั้นต้องให้นั้นให้นี่
อย่างเจี๊ยบ เขาก็รุ่นหลาน (ลูกก๊อชุ้น) ลูกสาว เขายังได้ที่ดินไม่ใช่เหรอ ทั้งที่ก๊อชุ้นเขาตายเพราะถูกยิงแย่งรถสิบล้อ...ตั้งหลายสิบปีแล้ว...เขาไม่ได้สั่งอะไร ลูกสาวเขายังได้เลย
แซ่คิ้ว...ให้มรดก เงินทอง ให้กุ้งลูกสาวคนเดียวไปทำมาหากิน..
*
หรือว่าคุณนายวิภา ตอนสมัยแยกครอบครัวออกมา อากุ๊ง อาผอ ไม่ให้สมบัติ ไม่ได้ให้อะไรลูกสาวคนเล็กมาทำมาหากิน (ร่ำรวย มีเงิน มีทอง มีตึก...ก็ยกให้ลูกชาย 2 คน ...สมบัติ มรดก อากง อาม่า...ที่ให้ลูกชายนายสมศักดิ์ สุพรรณโกมุท พอตาย...เขาก็ยกให้ลูกชาย 2 คนของเขาเท่านั้นเหรอ...พวกมึงสามัญสำนึกมีกันบ้างมั้ย...กู ลูกสาว(น่าจะใช่)คนเดียวของเขา ไม่มีสมบัติ มรดก อะไรติดตัวเลย นอกจากเงิน 14,000 ทีวีเก่าเจ๊ง ดูไม่ได้ (ช๊อต) เครื่องเล่นดีวีดีเก่า
*
ขอให้พวกมึงจงเจริญ บนทรัพย์สิน มรดกของอากง อาม่า...ส่วนกูเป็นหมาข้างถนน
*
ยังสงสัยอยู่ เคยมีอยู่วัน คุณนายแม่วิภานั่งรถสามล้อไปกับแจ๋ เอาทองไปขาย รู้สึกว่าตอนนั้นราคาจะขึ้น
*
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ไอ้กู๊บ้า มันบ่นอะไรเต็มไปหมดเลย
ดีใจด้วยเว้ย..ไอ้คุณสุชาติที่มึงเข้ามาดู
แน่จริง..มึงด่ากูสิ.."ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ ไอ้กวนตีน"
*
"วู้ดดี้กำลังเล่นคอมอยู่ ป๊าเข้ามาเปิดคอมดู ไอ้กู๊บ้ามันบ่นอะไรเต็มไปหมดเลย...."
*
คุณนายวิภาพูด "40 กว่าแล้วยังต้องเลี้ยง"
(ไอ้ตอนที่กูไประหกระเหเร่รอน เป็นวนิพกพเนจร...3-4 ปี ไม่เห็นมีใครตามกลับมา
ไม่เห็นมีใครส่งเงินไปให้ใช้แม้แต่สลึงเดียว...4ปีกลับมาก็อยู่ห้องเก็บของชั้น2 (สกปก รกรุงรัง..เอาของออกไปบางส่วน..ที่เหลืออยากมีที่นอนก็จัดการเอาเอง...ย้ายหนี EDog เยาพันธ์ไปอยู่ดาดฟ้า กูก็ต้องอยู่อย่างนั้น...แต่คุณหนูหลิน พิมพา สุพรรณโกมุท ให้อยู่ห้องอย่างดีชัน4 หลาน(นอกไส้)แสนรัก แสนน่าสงสาร ตอนนี้ไปมุดหัวอยู่รูไหน ทำไมไม่มาช่วยอาอึ้มที่แสนดีขายโชห่วย...เขาให้ยืมเงินส่งเรียนจนจบปริญญาโท..)
*
"โห..ตู้เย็นใช้มา 20 30 ปีแล้ว เก่า...ให้ฟรี เขายังไม่เอาเลย..เชอะ จะซื้อใหม่..
มีเก่า ๆ เยอะแยะ อยากได้..อันไหนเอาไป กูยกให้"
(สงสัยจะทำเหมือนวิทยุ ตอนที่ก่อนไปเกาะเสม็ดไปขอเงินซื้อวิทยุจะฟังซีดี
เขาเอาวิทยุเครื่องเก่าให้..ฝาปิดไม่ได้ เอาพลาสเตอร์ติดฝา..(เขามองเหมือนเราปัญญาอ่อน ปิดพลาสเตอร์ไม่เป็น) เวลาฟังใส่แผ่นแล้วต้องหาหนังสือหนักๆ ทับไว้ ในที่สุดฟังไม่กี่ทีก็ฟังไม่ได้ เจ๊ง
วันหลังไป..คุณนายวิภาเขาซื้อยี่ห้อ "ฟิลลิปส์" เครื่องใหม่เอี่ยมมาใช้
ตอนโน้นเขาบอกถาม "จะซื้อตู้เย็นเครื่องเล็ก ๆ ไว้แช่น้ำกิน เอามั้ย" / "ไม่เอา"
*
"Iวิ มันเป็นใครมาจากไหน ไม่เคยทำมาหากินเลี้ยงคนในครอบครัวนี้ ยกตู้เย็นให้มันไป..
ตอนนี้กูจะเอาตู้เย็นไปทำมาหากิน แช่ของ..จะซื้อเครื่องใหม่ จะเอาเงิน 6 พัน"
(เอาของเก่าไป...)
*
ต่อไปอย่าได้พูดอีก "40 แล้วยังต้องเลี้ยง"
วันนี้ไปทวงสมบัติเก่าคืน
"จี้ที่ซาโกวให้ 1 อัน"
"สร้อยคอทองคำ พระเลี่ยมทององค์เล็ก ๆ1องค์ คงประมาณ 1 สลึง"
*
เงินค่าเช่า 2 พันของป๊า
"แจ๋บอกแล้วให้เอ็งมาดูเตี่ยเอ็ง เอ็งก็ไม่เชื่อ"
"อ้าวที่ไปอยู่กับป๊า 2 เดือนนั่นยังไม่พออีกเหรอ..นอนห้องกระจก เตียงไม้พับ ฯลฯ"
คุณนายวิภาพูดทันที
"ไปอยู่กับมัน มันยังต้องเลี้ยง" (เลี้ยงเหรอ ตื่นมากวาดบ้าน อุ่นกับข้าว หุงข้าว จัดของ นอกจากเข้าห้องน้ำแล้ว ไปซื้อของที่ตลาดมีนบุรี..ก็อยู่ที่ในล็อคตลอด ไม่ได้แอบไปนอนในห้องกระจกเลย)
(ขอบคุณที่กรุณาบอก จะความจริงหรือความแต่งของนิสัยตอแหลทีมนี้ก็ไม่สนใจหรอก)
"งั้นก็ดีแล้ว..ที่กูออกมา"
*
สรุป
จี้ล้อมพลอยคล้ายทับทิม (เป็นเศษพลอย กับเศษหยก) ทองดูจะแข็งๆ
สร้อยคอทองคำ 1 สลึงพร้อมพระเลี่ยมทององค์เล็ก 1 เส้น
เงินสด 2 พัน
เรียกค่าเสียหายจากที่ไอ้คุณสุชาติ มันโยนเครื่องกรองน้ำแร่ 13,500 กับหม้อหุงข้าวใหม่ 500
คิดค่าเสียหาย 10,000 บาท
"จะเรียกกี่แสนกี่ล้าน เรียกมาเลย"
*
มีสมุดจดเล่มเล็ก ๆ "เขียนด้วย"/ "ได้สิ" (รู้อยู่แล้วว่าต้องเขียน)
"กูจะไม่กลับมายุ่งกับพวกมึงอีกตลอดชีวิต"
"ได้รับเงินค่าเช่า 2 พันบาท"
"จี้ที่ซาโกวให้ 1 อัน"
"ค่าเสียหาย เงินสด 10,00 บาท"
สรุป...ไม่ได้เอาทรัพย์สมบัติ ค่าเช่าของคุณนายวิภามาแม้แต่บาทเดียว
ไม่ได้ให้ค่ารถมาด้วย วันที่ไปเลือกตั้ง ขอค่ารถ "ให้มา 100"
../../... 2,000
.../.../... 5,000
.../.../... 2,000
จดหมดทุกบาททุกสตางค์ (เอแล้วคุณหนูหลินที่คุณนายวิภาพูดว่า "ญาติที่เมืองจีนเขาส่งเงินมาให้เรียนน่ะ...กับที่มีคนพูดว่า "แม่เอ็งให้เงินหลินยืมไปเรียนจนจบปริญญาโท..ตกลงอันไหนคือความจริง" จดไว้หรือเปล่า เขาเอามาคืนสักสลึงหรือยัง..)
*
แจ๋พูด "เอาเลขที่บัญชีมา เดี๋ยวจะโอนเงินให้"
"ก็ดี ไม่อยากนั่งรถมาเสียค่ารถทีละ 300 บาท....อ้อ..ถ้าโอนเงินให้ จะหักค่ารถเป็นค่าใช้จ่าย 300 บาทก็ได้นะ" (เดี๋ยวจะหาว่ากูใจเค็ม ใจแคบเหมือนพวกมึง)
*เงินสด 14,000 บาท
ทีวีเก่า 1 เครื่อง (14นิ้ว ดูไม่ได้แล้ว ช็อต)
*
"คนไหนพูดว่ากูเขียนหวยเถื่อน อีนรก...ฟ้ามีตา ฯลฯ (จำไม่ได้แล้ว)"
เขียนไม่เขียนไม่รู้ แต่วันที่ไป 31 กค.54 เห็น "อึ้มเต้าส่วน" ยื่นโพยกระดาษพับ ๆ ม้วนๆ ส่งใส่มือแจ๋" 1กำ
*
ฟ้ามีตา....
*
"พรุ่งนี้ ถ้ากูถูกรางวัลที่ 1 จะมึง 5 แสนเลย"
แน่จริง..มึงด่ากูสิ.."ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ ไอ้กวนตีน"
*
"วู้ดดี้กำลังเล่นคอมอยู่ ป๊าเข้ามาเปิดคอมดู ไอ้กู๊บ้ามันบ่นอะไรเต็มไปหมดเลย...."
*
คุณนายวิภาพูด "40 กว่าแล้วยังต้องเลี้ยง"
(ไอ้ตอนที่กูไประหกระเหเร่รอน เป็นวนิพกพเนจร...3-4 ปี ไม่เห็นมีใครตามกลับมา
ไม่เห็นมีใครส่งเงินไปให้ใช้แม้แต่สลึงเดียว...4ปีกลับมาก็อยู่ห้องเก็บของชั้น2 (สกปก รกรุงรัง..เอาของออกไปบางส่วน..ที่เหลืออยากมีที่นอนก็จัดการเอาเอง...ย้ายหนี EDog เยาพันธ์ไปอยู่ดาดฟ้า กูก็ต้องอยู่อย่างนั้น...แต่คุณหนูหลิน พิมพา สุพรรณโกมุท ให้อยู่ห้องอย่างดีชัน4 หลาน(นอกไส้)แสนรัก แสนน่าสงสาร ตอนนี้ไปมุดหัวอยู่รูไหน ทำไมไม่มาช่วยอาอึ้มที่แสนดีขายโชห่วย...เขาให้ยืมเงินส่งเรียนจนจบปริญญาโท..)
*
"โห..ตู้เย็นใช้มา 20 30 ปีแล้ว เก่า...ให้ฟรี เขายังไม่เอาเลย..เชอะ จะซื้อใหม่..
มีเก่า ๆ เยอะแยะ อยากได้..อันไหนเอาไป กูยกให้"
(สงสัยจะทำเหมือนวิทยุ ตอนที่ก่อนไปเกาะเสม็ดไปขอเงินซื้อวิทยุจะฟังซีดี
เขาเอาวิทยุเครื่องเก่าให้..ฝาปิดไม่ได้ เอาพลาสเตอร์ติดฝา..(เขามองเหมือนเราปัญญาอ่อน ปิดพลาสเตอร์ไม่เป็น) เวลาฟังใส่แผ่นแล้วต้องหาหนังสือหนักๆ ทับไว้ ในที่สุดฟังไม่กี่ทีก็ฟังไม่ได้ เจ๊ง
วันหลังไป..คุณนายวิภาเขาซื้อยี่ห้อ "ฟิลลิปส์" เครื่องใหม่เอี่ยมมาใช้
ตอนโน้นเขาบอกถาม "จะซื้อตู้เย็นเครื่องเล็ก ๆ ไว้แช่น้ำกิน เอามั้ย" / "ไม่เอา"
*
"Iวิ มันเป็นใครมาจากไหน ไม่เคยทำมาหากินเลี้ยงคนในครอบครัวนี้ ยกตู้เย็นให้มันไป..
ตอนนี้กูจะเอาตู้เย็นไปทำมาหากิน แช่ของ..จะซื้อเครื่องใหม่ จะเอาเงิน 6 พัน"
(เอาของเก่าไป...)
*
ต่อไปอย่าได้พูดอีก "40 แล้วยังต้องเลี้ยง"
วันนี้ไปทวงสมบัติเก่าคืน
"จี้ที่ซาโกวให้ 1 อัน"
"สร้อยคอทองคำ พระเลี่ยมทององค์เล็ก ๆ1องค์ คงประมาณ 1 สลึง"
*
เงินค่าเช่า 2 พันของป๊า
"แจ๋บอกแล้วให้เอ็งมาดูเตี่ยเอ็ง เอ็งก็ไม่เชื่อ"
"อ้าวที่ไปอยู่กับป๊า 2 เดือนนั่นยังไม่พออีกเหรอ..นอนห้องกระจก เตียงไม้พับ ฯลฯ"
คุณนายวิภาพูดทันที
"ไปอยู่กับมัน มันยังต้องเลี้ยง" (เลี้ยงเหรอ ตื่นมากวาดบ้าน อุ่นกับข้าว หุงข้าว จัดของ นอกจากเข้าห้องน้ำแล้ว ไปซื้อของที่ตลาดมีนบุรี..ก็อยู่ที่ในล็อคตลอด ไม่ได้แอบไปนอนในห้องกระจกเลย)
(ขอบคุณที่กรุณาบอก จะความจริงหรือความแต่งของนิสัยตอแหลทีมนี้ก็ไม่สนใจหรอก)
"งั้นก็ดีแล้ว..ที่กูออกมา"
*
สรุป
จี้ล้อมพลอยคล้ายทับทิม (เป็นเศษพลอย กับเศษหยก) ทองดูจะแข็งๆ
สร้อยคอทองคำ 1 สลึงพร้อมพระเลี่ยมทององค์เล็ก 1 เส้น
เงินสด 2 พัน
เรียกค่าเสียหายจากที่ไอ้คุณสุชาติ มันโยนเครื่องกรองน้ำแร่ 13,500 กับหม้อหุงข้าวใหม่ 500
คิดค่าเสียหาย 10,000 บาท
"จะเรียกกี่แสนกี่ล้าน เรียกมาเลย"
*
มีสมุดจดเล่มเล็ก ๆ "เขียนด้วย"/ "ได้สิ" (รู้อยู่แล้วว่าต้องเขียน)
"กูจะไม่กลับมายุ่งกับพวกมึงอีกตลอดชีวิต"
"ได้รับเงินค่าเช่า 2 พันบาท"
"จี้ที่ซาโกวให้ 1 อัน"
"ค่าเสียหาย เงินสด 10,00 บาท"
สรุป...ไม่ได้เอาทรัพย์สมบัติ ค่าเช่าของคุณนายวิภามาแม้แต่บาทเดียว
ไม่ได้ให้ค่ารถมาด้วย วันที่ไปเลือกตั้ง ขอค่ารถ "ให้มา 100"
../../... 2,000
.../.../... 5,000
.../.../... 2,000
จดหมดทุกบาททุกสตางค์ (เอแล้วคุณหนูหลินที่คุณนายวิภาพูดว่า "ญาติที่เมืองจีนเขาส่งเงินมาให้เรียนน่ะ...กับที่มีคนพูดว่า "แม่เอ็งให้เงินหลินยืมไปเรียนจนจบปริญญาโท..ตกลงอันไหนคือความจริง" จดไว้หรือเปล่า เขาเอามาคืนสักสลึงหรือยัง..)
*
แจ๋พูด "เอาเลขที่บัญชีมา เดี๋ยวจะโอนเงินให้"
"ก็ดี ไม่อยากนั่งรถมาเสียค่ารถทีละ 300 บาท....อ้อ..ถ้าโอนเงินให้ จะหักค่ารถเป็นค่าใช้จ่าย 300 บาทก็ได้นะ" (เดี๋ยวจะหาว่ากูใจเค็ม ใจแคบเหมือนพวกมึง)
*เงินสด 14,000 บาท
ทีวีเก่า 1 เครื่อง (14นิ้ว ดูไม่ได้แล้ว ช็อต)
*
"คนไหนพูดว่ากูเขียนหวยเถื่อน อีนรก...ฟ้ามีตา ฯลฯ (จำไม่ได้แล้ว)"
เขียนไม่เขียนไม่รู้ แต่วันที่ไป 31 กค.54 เห็น "อึ้มเต้าส่วน" ยื่นโพยกระดาษพับ ๆ ม้วนๆ ส่งใส่มือแจ๋" 1กำ
*
ฟ้ามีตา....
*
"พรุ่งนี้ ถ้ากูถูกรางวัลที่ 1 จะมึง 5 แสนเลย"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)