ตอนที่ไปอยู่กับป๊า 2 เดือน
......
นอนในห้องกระจก ต้องซื้อกระดาษหนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ สก๊อตเทป มาแปะติดกระจก ในห้องก็มีแต่โต๊ะไม้ ลังเบียร์หลายยี่ห้อ เกือบเต็มห้อง พื้นห้องสกปรก(นิดหน่อย) เราก็ไม่ได้ทำความสะอาดมากนัก นอนบนเก้าอี้พับ (เป็นท่อนไม้ หลายอันมาต่อกัน พับเก็บได้) ก็คุดคู้ หลังโค้งนิดหน่อย (พอทนได้) วันหลังซื้อหมอนมาลูกหนึ่ง ก็นอนอย่างนั้น จนเกือบ 2 เดือน ป๊าก็ย้ายลังเบียร์ออกไปไว้ในครัว กลางคืนมียุงเข้ามา เพราะกำแพงปูกระเบื้อง ข้างบนเป็นช่องลมเล็ก ๆ ขอบล็อคปูน เราซื้อ อาทแมทมาเสียบปลั๊ก ก็ใช้ได้ผลดี หรือบางก็จุดยากันยุง สีม่วงกลิ่นลาเวนเดอร์ แต่ไม่ไหว ควันเยอะไป ดมกลิ่นยากันยุงทั้งคืน ไม่มีผ้าห่ม เพราะปกติเราก็ไม่ห่มผ้าอยู่แล้ว รำคาญ
จำได้ว่า ป๊าขับรถไป Lotus ซื้อ เตาไมโครเวฟ (ของเก่าพื้นเตา ผุทะลุเป็นสนิม เห็นตอนยกจานแก้วออก ไม่รู้ว่าป๊าได้รับคลื่นไมโครเวฟที่รั่วออกมาจากเตาบ้างหรือเปล่า?) ซื้อเครื่องซักผ้า ซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น ทุกอย่างเราช่วยขนลงจากรถกระบะ ป๊าติดตั้งทุกอย่างเอง
สิ่งของเหล่านี้ ทุกวันนี้ คุณสุชาติ (POP) กับครอบครัวก็คงได้ใช้กันอย่างมีความสุข
มีโต๊ะสนุ๊กเกอร์ ถ้าขายก็คงจะได้เงินเป็นหลักหมื่น อันนี้ คุณสุชาติ (POP) ก็ได้เป็นเจ้าของครอบครองไป ข้าวของโชห่วยไม่ค่อยมีแล้ว..เพราะเอามาขายที่บ้านคุณนายวิภาหมดแล้ว
เช้าก็ตื่นขึ้นมากวาดพื้นบ้าน เอาก้นบุหรี่ที่โต๊ะสนุ๊กฯออก
มีแม่แมวออกลูกมาหลายตัว กำลังน่ารัก ด้วยความที่ไม่อยากให้ซน ไปถ่ายบนของที่ขายขวดโซดา
เราซื้อเชือกมาผูกคอพวกมันไว้กับเสา มันก็จะซน มัดคอจนหายใจไม่ออก สุดท้ายก็ต้องเอาเชือกออก
แล้วก็เอาไปขังในกรง(หมา) แทน เช้าก็ปล่อยออกมา
มีตาแก่คนหนึ่ง ซื้อเหล้ากินประจำ ชอบพูดจากแทะโลม น่าเกลียด (ขนาดเราแก่40กว่าแล้วนะเนี่ย) (เราจะเอาเงินเขาเราก็ต้องทน..บอกป๊า...ป๊าไปพูดกับเขา...เขาก็เลยเลิกพูด แต่เวลามาซื้อเหล้า ก็ยังมีบ้างนิดหน่อย ชั่งเถอะ...แถมให้ค่ะ..หนูนี่น่าร๊าก..มาก...)
คนซื้อบุหรี่แล้วเขาสูบ เราแพ้ควันบุหรี่ ก็อุดจมูก ลูกค้าเขาก็ว่า.. บางทีก็ต้องกลั้นหายใจเอาไว้ก่อน จะเอาเงินเขานี่..ทำไงได้..มะเร็งปอดก็ต้องเอาไว้เหมือนกัน..คุณนายวิภาเขาต้องการให้เราเฝ้าผัวเขา..ช่างไม่รู้อะไรเล้ย..ตอนเก็บเสื้อผ้าหนีไปอยู่ห้องเช่าที่ซอยไมตรีจิต ตอน 2 ทุ่ม.. ไม่ยักรู้ว่าคุณนายวิภาเขาดีใจ..พอกลับไปดินแดง ไปสีลมคุณนายวิภาเขาพูด.."กลับมาทำไม ทำไมไม่ขายของให้ไอ้ยามมันดูว่า ขายให้รวย ขายให้รวย" นั่งคิดหลายวันถึงได้รู้ว่าอ้อ..เขาอยากให้เราเฝ้าผัวเขา เอาเรื่องเราทะเลาะกับยาม (ปากหมา) มาอ้างอีก) ทำไมเขาไม่เอาขี้เถ้ายัดปาก หรือโยนบ่อน้ำไปซะนะ..หรือว่าตอนเรา เขาเจออะไรที่ป๊าทำไม่ดีกับเขา เราคงเป็นตัวซวยสำหรับเขาแหงเลย..อายุจะ45แล้ว เพิ่งรู้ว่า..ทุเรศ คุณนายวิภาเขารักแต่ลูกชายเขา...
เคยเล่าให้แจ๋ฟัง "ม๊าด่าเค้าเรื่องทะเลาะกับไอ้ป๊อป (เล่าที่มาที่ไป)"
"เฮ้ย อย่าคิดมาก แม่เอ็งเขาก็ด่าไอ้ป๊อปอย่างแรงเหมือนกัน ไม่ได้ด่าเอ็งคนเดียว ...คนที่เขาไม่เคยด่าเลย มึงรู้มั้ยใคร"
"ไม่รู้"
"ก็ไอป้อมไง..เขาไม่เคยด่า" (ไม่รู้แจ๋พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร)
(ก็คงจะจริง ตอนที่ไอป้อมลาออกจากงานที่เก่า อยู่ในห้องชั้น 2 คนเดียว เป็นปี หรือนานเท่าไหร่ เราก็จำไม่ได้..ไม่เคยเห็นคุณนายแม่วิภา ลาก จิกด่า ให้มาขายของที่สีลมเลย...เอาเงินที่ไหนมากินมาใช้ เราก็ไม่ได้ใส่ใจ...เขาอาจจะกินเงินเก็บเงินเก่าของเขาก็ได้)
อ้อยังมีสมบัติอีกที่หนึ่ง ไอป๊อปมันซื้อไว้ แล้วผ่อนไม่ไหว ตอนแรกมันก็ชวนเราซื้อ ก็โอเค.เขาทุบกำแพงติดกัน2ห้อง ตอนหลังเราไม่มีเงินให้เขา คุณนายแม่วิภาต้องเสียเงินกว่า 2 หมื่น คืนห้องเขาไป ให้เขาทำกำแพงใหม่..
น่าจะเป็นชื่อของ "วิภา จงมีความสุข" เป็นเจ้าของ เพราะเขาเคยพูดว่าตึกแถวที่พนมสารคาม จะยกให้ไอป้อม...เรื่องสมบัติพัสถาน เราไม่รู้เรื่องอะไรสักเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ เขาอยากจะยกให้ใคร..แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้ ไม่มีอะไรที่เขาอยากจะยกให้ หรือโยนเศษเสี้ยวให้ แม้แต่สมบัติอากงอาม่าที่เป็นของป๊า..ก็ยังเป็นของลูกชายเขาแค่ 2 คนเลย...
หรือว่าเป็นเวรเป็นกรรมของเรา..ชาติที่แล้วเราอาจจะไปโกง 2 พี่น้องนั่นมาก็ได้...
ชาตินี้คุณนายแม่วิภา เลยต้องมา...เอาคืน...ให้ลูกชาย 2 คนของเขา
พูดถึง 2หมื่น...ตอนที่ด่ากับไอป๊อป ติดป้ายจะขายบ้านดินแดง มีคนมาดูบ้านแล้ว (จะเอาปัญญาที่ไหนไปขาย สมบัติของคุณสุชาติเต็มบ้านออกอย่างนั้น เครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องจักรอุปกรณ์ทำบ้าน ที่คุณนายวิภาสนับสนุนให้ลูกชายทำ ซื้อให้ทุกอย่าง ไม่เห็นเคยบ่นสักคำว่า "อะไรก็ต้องลงทุน ทำงานไม่ได้เงินแล้วทำทำไม" งานทำบ้าน ห้องน้ำ ติดโถส้วม ทำเพดาน ฯลฯ คงเป็นงานที่ทำแล้ว เขาเห็นแล้วว่าได้เงิน
ตอนเทพื้นปูนปูกระเบื้องบ้านดินแดง มันก็ให้เรามาช่วยจับจอบตักกรวด ทราย ปูน ยกน้ำเทผสมปูน เราก็ทำ ไม่เคยบ่น ไม่เคยเรียกร้องเงินแม้แต่บาทเดียว ปวดเมื่อยไปทั้งตัว ปวดแขนมาก ก็ไม่ได้ขอเงินไปซื้อยามากิน หรือซื้อยามาทา ทำ2-3 วัน มันตัดกระเบื้อง เป็นคนปูกระเบื้อง (แน่นอนต้องมีเครื่องมือตัดกระเบื้องด้วย)
มันเรียกให้เราช่วยยกไม้กระดานแผ่นใหญ่ ขึ้นไปดาดฟ้า ทำเพดาน ให้ช่วยยก มันตอกตะปู เราก็ยก ผู้หญิงอ่ะนะ มันด่าด้วย..อะไร จำไม่ได้แล้ว...
งานพวกนี้ มีหรือที่คุณนายแม่วิภาจะไม่ให้เงินมัน ไม่ว่าจะค่ารถไปซื้อของ เงินทอนก็คงไม่เอา..ให้ลูกไป..อืม...ม..ม......................
คุณนายวิภากลัวมาก เพิ่งผ่าตัดเข่าเสร็จกลับจากโรงพยาบาลพักวันสองวัน ให้เรานั่งแท็กซีไปกับเขา ไปเสียเงิน 2 หมื่นให้กรมที่ดิน เพื่อโอนบ้านและที่ดิน(บ้านดินแดง) กลับมาเป็นชื่อของเขา...
ตอนนี้ค่าเช่าบ้านที่พนมสารคาม เป็นของใคร..ไม่รู้ (ตอนนั้นเขาทำเป็นพนมสารคามเมืองใหม่ ยังไม่ค่อยมีคนเข้าไปอยู่)
เราอยู่ที่นี่แหละ..รอวันตาย หรือถูกส่งเข้าคุก ข้อหาไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน
เมื่อเช้า คุณแม่บ้านบอก "บิลค่าเช่าออกแล้วนะคะ"
(เก็บบิลไว้ในสมุด จำไม่ได้ได้ว่าเล่มไหน ยังไม่ได้หา)
บิลของเดือนที่แล้วน่าจะผิด 27-30 มิย.54 / 400 บาท (จริง ๆ แล้วต้อง 27-31 พค.54 =500 ถ้าเขาคิดวันละ100)
ค่าเช่าของเดือน ...27/06 - 27/07 =2,400 (จริง ๆน่าจะเป็น 1-30 มิถุนายน 2554 หรือ 1-30/06/54 เพราะ 5 วันของเดือนพฤษภาคมถูกคิดเงินไปแล้ว)
เดี๋ยวต้องหาบิลของจริงมาดูอีกที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น