โทร.ถามแม่ขอยืม 2,000 จะมาซื้อไหมถักผ้าพันคอขาย (ไม่ให้) ให้ถามเตี่ยดู โทร.ไปไม่รับสาย (ให้ฝากเบอร์โทร.กลับ) ก็นั่งรถเมล์ฟรีไปลองขอดู (ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้ายัน 5 โมงเย็น)
ไปถึงแม่ก็บ่นด่า เดือนนึงจะใช้กี่พันกัน, นี่เอาไป 3 พันแล้วนะ, 4 พันแล้ว, เตี่ยให้อีกพัน 2 วันหมดแล้วเหรอ,
ถามพ่อ มีให้ยืมสองพันมั๊ย จะไปซื้อไหมมาถักผ้าพันคอขาย เตี่ยตอบ "ไม่มี" (จบเลย)
กางร่มฝ่าสายฝนตกหนัก ไปยืนที่ป้ายรถเมล์ รอรถเมล์ฟรี 6 โมงแล้ว หิวจัง โทร.ไปหาแจ๋ ขอยืม 100 แจ๋ใจดีให้ยืม 500 ของเก่ายังไม่ได้คืนเลย
นี่ก็เหลือใช้ได้อีก 2 วัน กะว่าจะไปซื้อเชือกไนล่อนเส้นใหญ่ หลายเส้นหน่อย ผูกคอตายลูกกรงบันได้ชั้นล่าง ปอเต๊กตึ๊งจะได้เก็บไม่ลำบากนัก
เค้าคงจะทำอะไรไม่สำเร็จแล้วล่ะชีวิตนี้ ไม่รู้จะอยู่ไปทำอะไร นี่ก็รอดมาหลายทีแล้ว ตากหน้าตะกายไปขอยืม เหมือนไปขอทาน (กับแม่แท้ ๆ) ทำไมกับคนอื่นเขาเต็มใจให้ กริ๊งเดียว โอนให้ทันที
ขนาดฟ้องพ่อแล้วว่าลูกชายคนโตของแม่ทำอะไรกับเราไว้บ้าง แทนที่แม่จะสำนึกผิด ให้ความเมตตาว่าเราโดนลูกชายเขากับเมียเขารังแกอย่างไร กลับกลายเป็นว่าโดนด่า ก็ลูกชายเขาอยู่ (ด่าอีกแบบหนึ่ง) ถ้าไม่อยู่หรือกลับไปบ้านโน้นแล้ว แม่จะด่าเราอีกอย่างหนึ่ง
พรุ่งนี้ นัดกับพี่ตุ๊ก จะเอาผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ (ที่ขายไม่ออก) ขายงานแลกกับสินค้า ให้พี่ตุ๊ก จะได้หมดภาระ
หนังสือที่มีลายเซ็นคุณตาวิกรม ก็เอาไปให้น้อง Poom น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี (ถ้าพ่อแม่เขาคิดว่าดีนะ)
จะกระโดดสะพานลอยให้รถทับตาย ก็เกรงใจ เป็นภาระ เป็นคดีความ เดี๋ยวศพไม่สวย จะกินยานอนหลับให้ตาย ก็คงต้องเสียสตางค์เยอะ และต้องค่อย ๆ ซื้อสะสม ลำบาก
เค้าต้องขอโทษตัวเองด้วย ที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ตค.นี้ เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว..ไปละนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น