วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

website มูลนิธิ

มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง
http://pohtecktung.org/

มูลนิธิร่วมกตัญญู
http://www.ruamkatanyu.or.th/

ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย (เค้าบริจาคแล้วล่ะ แต่จำเลขที่บัตรไม่ได้ ถ้าว่างเดี๋ยวจะใส่ เวลาตายจะได้ตามเจอง่าย เร็ว ๆ หน่อย อิอิ)
http://www.eyebankthai.com/
ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย 1871 อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฒโน) ชั้น 7
ถนนอังรีดูนังต์ ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์ : 0-2252-8131-9 , 0-2252-8181-9, ต่อศูนย์ดวงตา ตลอด 24 ชั่วโมง
0-2256-4039 , 0-2256-4040 , 081-9025938 ตลอด 24 ชั่วโมง
โทรสาร : 0-2252-4902
แสดงความจำนง บริจาคดวงตา
http://www.eyebankthai.com/index.asp?autherid=12&ContentID=10000024&title=%A2%D1%E9%B9%B5%CD%B9%A1%D2%C3%E1%CA%B4%A7%A4%C7%D2%C1%A8%D3%B9%A7%CD%D8%B7%D4%C8%B4%C7%A7%B5%D2&bttcol=False



บริจาคร่างกาย สภากาชาดไทย
http://www.redcross.or.th/donation/self_donation.php

ต่อให้อยากให้ ก็ใช่ว่าจะรับกันง่าย ๆ นะคะ

แล้วเราจะเข้าข่ายกรณีไหนบ้างเนี่ย ไม่รู้ว่าตอนตายสภาพศพจะเป็นยังไง (ก็ตายไปแล้วจะรู้ได้ไงล่ะ คนเรารู้แต่วันเกิด ไม่รู้วันตายหรอก จริงไม๊)

บริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์

                 การบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาสร้างกุศลทานอันยิ่งใหญ่ ด้วยการอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาการให้ หรือ การบริจาคย่อมทำให้เกิดความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ ผู้ให้มีความสุข มีความภาคภูมิใจในความเป็นผู้เสียสละ ผู้รับมีความสุข ที่ได้รับสิ่งจำเป็นที่สุดที่ตนเองยังขาดแคลน
                 การบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษา ผู้บริจาคเป็นผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ ยอมสละร่างกายของตนเอง ให้ผู้ที่ไม่เคยได้รู้จักมาก่อนได้ศึกษาโดยเพียงแต่มุ่งหวังว่า ผู้ที่ศึกษาร่างของตนจะนำความรู้ที่ได้รับนั้นไปช่วยมวลมนุษย์ชาติต่อไป ผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาได้สร้างกุศลทานครั้งสุดท้ายของชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยได้แต่หวังว่า ผู้อยู่เบื้องหลังจะไม่ต้องทนทุกข์จากอาการเจ็บป่วย ตนเองมิได้หวังสิ่งตอบแทนใดใด นอกจากได้เป็นผู้"ให้"เท่านั้น

คุณประโยชน์
                 การอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา เป็นการสร้างประโยชน์ทั้งด้านวิชาการ ด้านสาธารณสุข ด้านจริยธรรมและการเสริมสร้างสังคมอันจะนำไปสู่พัฒนาการที่ดีต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะในการศึกษาทางการแพทย์บุคลากรทางการแพทย์จำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากร่างกายของมนุษย์เพื่อเป็นแนวทางสำคัญในการรักษาผู้ป่วยต่อไปในอนาคต
การศึกษาจากร่างกายผู้อุทิศร่างกาย ใช้ประโยชน์หลายกรณี อาทิเช่น
                 1. เพื่อใช้ในการศึกษาของนิสิตแพทย์
                 2. เพื่อใช้ในการศึกษาของแพทย์เฉพาะทาง
                 3. เพื่อใช้ในการศึกษาของนักศึกษาพยาบาล
                 4. เพื่อใช้ในการศึกษาของนิสิตเทคนิคการแพทย์
                 5. เพื่อใช้ในการศึกษาของนักศึกษารังสีเทคนิค
                 6. เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยทางการแพทย์
                 7. เพื่อใช้ในการจัดทำพิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์
วิธีการ                  ผู้มีความประสงค์อุทิศร่างกายสามารถยื่นความจำนงได้ 2 แบบ คือ
                 1. ยื่นความจำนงโดยตรงที่ ศาลาทินฑัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยกรอกข้อความ
ลงในแบบฟอร์มของโรงพยาลบาล 1 ฉบับ เจ้าหน้าที่จะออกบัตรประจำตัวผู้อุทิศร่างกายให้ไว้เป็นหลักฐาน
                 2. ยื่นความจำนงทางไปรษณีย์ โดยกรอกข้อความลงในแบบฟอร์ม แล้วส่งมา
ทางไปรษณีย์ 1 ฉบับ เจ้าหน้าที่จะส่ง
บัตรประจำตัวผู้อุทิศร่างกายให้ภายหลัง
                 เมื่อผู้อุทิศร่างกายถึงแก่กรรม ทายาท มีสิทธิ์คัดค้านไม่มอบศพให้กับโรงพยาบาลได้โดยต้องแจ้ง
การคัดค้านไม่มอบศพกับโรงพยาบาลฯภายใน 24 ชั่วโมง
                 เมื่อผู้อุทิศร่างกายถึงแก่กรรม และทายาทผู้รับมรดกยินยอมพร้อมใจกันจะมอบศพให้โรงพยาบาลฯ
ขอให้ติดต่อโรงพยาบาลฯเพื่อจัดเจ้าหน้าที่ไปรับศพ โดยเจ้าหน้าที่จะให้กรอกใบสำคัญยินยอมมอบศพให้
โรงพยาบาลเพื่อการศึกษาไว้เป็นหลักฐาน โดยติดต่อแจ้งการรับศพได้ที่
                1. ในเวลาราชการติดต่อที่ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ หมายเลขโทรศัพท์
02-256-4281 หรือ 02-2527-028 หรือ 02-256-4000 ต่อ 3247
                 2. นอกเวลาราชการติดต่อที่ ตึกห้องพักศพ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการรับศพ หมายเลขโทรศัพท์
2564317
                 โรงพยาบาลจะสามารถรับร่างของผู้อุทิศร่างกายได้ก็ต่อเมื่อ มีใบมรณบัตรซึ่งออกโดย นายทะเบียน
ท้องถิ่นที่ผู้อุทิศร่างกายถึงแก่กรรมแล้วเท่านั้น
                 โรงพยาบาลจะจัดเจ้าหน้าที่ไปรับร่างผู้อุทิศร่างกายเฉพาะที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
                 เมื่อโรงพยาบาลรับร่างผู้อุทิศร่างกายมาแล้ว ไม่สามารถอนุญาตให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศล
ก่อน เพราะจะทำให้ไม่อยู่ในสภาพที่เหมาะสมสำหรับการศึกษา
                 เมื่อเจ้าหน้าที่ไปรับร่างผู้อุทิศร่างกาย ทายาทควรให้ที่อยู่ที่ติดต่อได้สะดวกที่สุดไว้กับเจ้าหน้าที่
เพื่อให้สามารถติดต่อได้เมื่อนิสิตศึกษาร่างผู้อุทิศร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้วและหากมีการเปลี่ยนแปลงที่
อยู่ต้องแจ้งให้ทราบ
                 ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ จะจัดให้มีการศึกษาร่างของผู้อุทิศร่างกายในกรณีต่างๆต่อไปนี้ ตามความ
เหมาะสม
                 1. เพื่อการศึกษาของนิสิตแพทย์ และแพทย์ประจำบ้าน
                 2. เพื่อการฝึกอบรมหัตถการต่างๆ และงานวิจัยทางการแพทย์
                  เมื่อฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ศึกษาร่างผู้อุทิศฯศึกษาเรียบร้อยแล้ว
จะมีคณะกรรมการดำเนินการจัดงานฌาปนกิจ และขอพระราชทานเพลิงศพ (เป็นกรณีพิเศษ)


คุณสมบัติของผู้บริจาค                  ผู้มีความประสงค์อุทิศร่างกายต้องมีอายุตั้งแต่ 17 ปีขึ้นไป กรณีที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องได้รับความ
ยินยอมจากผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษร
                 โรงพยาบาลจะไม่รับศพผู้อุทิศร่างกายในกรณีดังนี้
                 - ถึงแก่กรรมเกิน 24 ชั่วโมง ยกเว้นได้เก็บไว้ในห้องเย็นของโรงพยาบาล
                 - ผู้อุทิศร่างกายที่ได้รับการผ่าตัด หรือมีรอยเสียหายจากอุบัติเหตุ บริเวณศีรษะและ
สมอง
                 - ผู้อุทิศร่างกายที่ถึงแก่กรรมจากสาเหตุจากโรคมะเร็งบริเวณศีรษะและ สมอง หรือติดเชื้อ โรคร้ายแรงเช่น เอดส์ ไวรัสลงตับ และวัณโรค
                 - ผู้อุทิศร่างกายที่มีคดี เกี่ยวข้องกับคดี หรือมีการผ่าพิสูจน์ ยกเว้นการผ่าพิสูจน์บริเวณช่องท้องที่แพทย์นำไปใช้ในทางการศึกษาทางการแพทย์เท่านั้น
                 - ผู้อุทิศฯที่ผ่านกระบวนการเก็บรักษาด้วยน้ำยาแล้ว
                 ในกรณีที่รับร่างผู้อุทิศฯมาแล้ว มีการตรวจพบว่าอยู่ในกรณีดังกล่าวข้างต้น โรงพยาบาลจะติดต่อญาติให้นำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

สถานที่ติดต่อ
                 ศาลาทินฑัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
                 ในวัน เวลาราชการ

หลักฐานที่ต้องเตรียมมามีดังนี้
                 1. รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป
                 2. สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาบัตรข้าราชการ 1 ฉบับ


ดาวโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้อง
                  1. หัวข้อถามตอบอุทิศร่างกาย
                  2. แผ่นพับประชาสัมพันธ์
                  3. เกณฑ์การรับร่างกาย
                  4. แบบฟอร์มอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาใหม่
                  5. ระเบียบการรับร่างผู้อุทิศร่างกาย
                  6. เอกสารรับแจ้งข้อมูล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น