วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

29 กย.54 (ไปเอาเงิน)

ถามแตงแจ๋ไปกำแพงตั้งแต่วันที่ 13
เหลือ 100 เงินไม่พอใช้ ตัดสินใจ ติดคิวค่ารถตู้ 20 บาท เย็นกลับไปจ่าย..
ชีวิตเราไม่สามารถรอบุญ วาสนา สมบัติ อรัญญา...เหมือนใคร ๆ ได้
ต้องทำเพื่อตัวเอง ทำด้วยตัวเอง..
*
ไปขอเบิก 2,000 (ค่าเช่าของป๊า) บอกจะเอาไปซื้อเสื้อผ้า รองเท้า...คุณนายวิภาใจดี หยิบเงินแบงค์ 500 มาอีก... (นับแล้ว 2,500) ให้เรา 2,000+2,000 (อีก 500 เก็บเงินแยกออกไป ไม่ให้) เป็น 4,000 พูด "เอาไปเผื่อ ทำมากินให้รอดก็แล้วกัน"
...
จบข่าว...
*

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

12 กย.54 (มีก็เหมือนไม่มี)

"ก็มันเป็นคนอย่างนี้ไง ชีวิตมันถึงได้เป็นอย่างนี้" (คุณผู้ชายคงหมายถึง ก็มันเลวไง ถึงต้องมาเป็นขี้ข้า เลี้ยงลูกให้เรา..ทั้งที่เราก็ไม่ได้อยากให้มันมาเลี้ยงนักหรอก อยากให้อาโกวของเพื่อนศิษย์เอกฮวงจุ้ยมาเลี้ยงมากกว่า)
*
ซ่อมหนังสือ ก.ไก่ กับหนังสือนับเลข กะว่าจะหนีไปก่อนที่เขาจะกลับมา คิดว่ากลับค่ำ ปรากฏว่าเขากลับมาแค่เย็น..คุณหนู..ไม่สบายเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล งอแงนิดหน่อย
..
คุณผู้ชาย ตาลีตาเหลือก เปิดประตูห้องที่เราเคยนอน เปิดไฟ เปิดตู้เหล็ก ดูหลังตู้เหล็กว่ามีของอะไรหายไปหรือไม่..ก่อนหน้านั้นมองสำรวจกองของที่เราจะขนออกไป
..
คุณผู้หญิงเดินขึ้นไปบนบ้านชั้น 2 เปิดห้อง คงจะขึ้นไปสำรวจทรัพย์สิน
...
หลังจากขนของขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว เขาก็คงจดทะเบียนรถ ถามด้วยความห่วงใย ว่าย้ายไปไหน..
..
"ไม่รู้เอาเงินเอาทองเราไปมั่งหรือเปล่า"
"ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่"
"บ้านนี้ไม่ใช่ซ่อง นึกอยากจะไปก็ไป นึกอยากจะมาก็มา"
..
เราขนของที่เอาไปไม่หมดใส่ท้ายรถกระบะจอดรถนอกบ้าน...วันรุ่งขึ้นกลับไป รถจอดอยู่ในบ้าน
ทำไงดี เรียกแท็กซี่ไปขน (แท็กซี่ก็กลัวว่าเราจะมาโขมยของเหมือนกัน) ปีนรั้วบ้าน หมารู้จักเราก็เลยไม่เห่าไม่กัด..
ขนของผ่านลูกกรงประตูเหล็ก ให้โชเฟอร์แท็กซี่รับ (ของไม่มีค่าอะไรเลย)
ย้ายไปบ้านเช่าฝั่งซอยตรงข้าม เดือนละ 2,200 บาท น้ำไฟต่างหาก
...
อีก 2 วันต่อมา..เราเอารถเข็นคันเล็กจะไปขนกระถางต้นมะลิที่ปลูกไว้ที่ข้างกำแพงหมู่บ้าน
..ยาม รปภ.หน้าหมู่บ้านเดินตามมา เราก็ไม่รู้..เดินตามมาถึงหน้าบ้าน..(เจ้าของบ้านคงสั่งเขาไว้)
เหมือนเราจะมาโขมยของในบ้านเขาเลย..เป็นนางโจรโดยไม่รู้ตัว..
เราก็ขนกระถางต้นไม้ ลังโฟมที่ปลูกต้นมะลิไว้ ลากเดินไปหน้าหมู่บ้าน ข้ามถนน ไปปลูกไว้ที่ชั้นล่างของบ้านเช่า..ห้องเราอยู่ชั้น 2
...
เจ๊เกษรใจดีมากเลย..ไม่เก็บล่วงหน้าขอเขาไว้..
...
เห็นเศษกระดาษที่เขียนมา "ผงซักฟอกหมดวันที่เท่าไหร่" ที่เราแปะไว้บนถังผงซักฟอก "เปา" สีม่วง
เศษกระดาษแผ่นนี้มาอยู่ในกะละมังที่เราใส่ท้ายรถ..เขาคงเอามาใส่ไว้ให้ดู..ว่า "กูไม่ต้องการให้มึงบอกกู"
...
ไม่บ่อยครั้ง แต่ก็ซาบซึ้ง
..."เดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอก เดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอก" (เป็นวันอาทิตย์)
จำภาพได้ (แสยะยิ้มมุมปาก เห็นฟัน พร้อมกับพ่นหัวเราะ หึหึหึ หึหึหึ) ประมาณว่า "จะเอาเงินล่ะสิ"
จำได้ว่า 2 อาทิตย์เขาจะให้เงินเราครั้งหนึ่ง ครั้งละ 2 พัน..(แล้วแต่ว่าจะตรงกับวันหยุดเสาร์ อาทิตย์หรือไม่)
...
ตอนหลังกำลังออกจากบ้านเขารอบ 2 มั้ง เราเอาที่เราจดมาให้เขาดู
..เขาพูดว่า "ก็นี่ไง วันที่เท่านี้ ชนวันที่เท่านี้ เท่ากับเดือนละ 6 พัน" (เราคงเถียงเขาไม่ได้) เพราะความจำเราคงไม่เสื่อม เงิน 2 พัน (แบงค์ 2 ใบในมือ)...จริง ๆ แล้ว เราไปเปิดบัญชีบ.กรุงเทพ เพื่อดูตัวเลข (ไม่ได้สังหรณ์ใจอะไรหรอก..รวมทั้งเอาเงินเศษสตางค์เงินตู้น้ำไปแลกแบงค์ ก็ยอมรับว่าเราใช้เงินเปลืองมาก..เอาเงินในกระปุกออมสินของคุณหนูไป 1 พัน (แต่เราก็ลืม เถียงเขาว่าเราไม่ได้เอาไป เพราะฝากระปุกรูปกล่องฟิล์มมันแน่นมาก..ขอโทษ เราลืมจริง ๆ กะว่า เงินเบี้ยเลี้ยงงวดต่อไปจะเอาไปคืน..แล้วก็ลืม..ใช้เงินหมด) แต่ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าไม่ตาย ลืมตาอ้าปากได้เมื่อไหร่ จะเอาไปคืน..
...
อืม ได้เดือนละ 4 พัน ปีกว่า..วันนั้น เพื่อนลูกศิษย์เอกฮวงจุ้ย..ถามเราว่าได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ ดูลูกเค้ากี่โมงถึงกี่โมง ก็ตั้งแต่เค้าออกจากบ้าน ถึง 3 หรือ 4 ทุ่ม...หลังจากนั้น งวดจ่ายเบี้ยเลี้ยง 2 อาทิตย์ ถึงได้แบงค์พัน สามใบ น่าจะสัก 3 เดือนมั้ง หลังจากได้เดือนละ 4 พัน
....
คุณผู้ชายเรียกคุณผู้หญิง "เปิดไฟหน้าบ้านหน่อยซิ มีคนก็เหมือนไม่มี" (เรากำลังจะเดินมาเปิดพอดี ทั้งที่มองแล้วยังไม่มืด แต่ก็รู้ว่าเขาเคร่งต่อฮวงจุ้ยมาก)
....
วันนั้น เครื่องกรองน้ำคงจะตัน น้ำหยดออกจากก๊อก เราก็ปิดวาล์วเครื่องกรองน้ำขาเข้า
คุณผู้ชายตะโกนถามคุณผู้หญิงดังลั่น..."ใครปิดเครื่องกรองน้ำ ใครปิดเครื่องกรองน้ำ" (เราทำอะไรก็ผิดทุกอย่าง เป็นคนเลวทุกอย่าง)
....
วันนั้น ล้างชามกลัวหมาที่คุณผู้ชายเพิ่งอาบน้ำให้มัน กลัวเขาจะเลอะ
เลยย้ายโซ่ไปล็อคบนพื้นแห้ง...
คุณผู้ชายลงมาเห็น ตะโกนถามคุณผู้หญิงดังลั่น "ใครย้ายหมามาไว้ตรงนี้ ใครย้ายหมามาไว้ตรงนี้"
....

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

10 กย.54

ตอนเด็ก ๆ ที่บ้านจะเลี้ยงแม่แมว 1 ตัว สีออกดำ..เวลามันออกลูกมาหลายตัว น่ารัก...
เรามีหน้าที่เอาปลาทูทอด แกะเอาแต่เนื้อ คลุกข้างทั่ว ๆ ให้แม่แมวกิน
*
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เราตกใจมาก พ่อแมวขึ้นมาบนบ้าน ตะโกนโวยวาย..
ป๊าขึ้นมาตีพ่อแมวตาย..หลายปั้ก..ทำไมเราไม่ช่วยพ่อแมว..ถ้าเราไม่เรียกป๊า
พ่อแมวคงไม่ถูกตีตาย...ขอโทษคร้าบ
*

10 กย.54

สมัยก่อน ถ้าจำไม่ผิด ป๊าจะเลี้ยงกระต่ายขาย..โซ่ยเจ็กเลี้ยงนกหงษ์หยก (ชอบส่องกระจก) เพาะเลี้ยงขาย มีอยู่ในกรงใหญ่เยอะมาก..
*
โซ่ยเจ็กทำร้านให้เช่าจักรยาน รับซ่อมจักรยาน..ไอ้ป๊อปก็เคยขี่จักรยานของโซ่ยเจ็กขี่ตามตรอกซอกซอย ไม่คิดค่าเช่า สอนมันซ่อมจักรยานด้วย ปะยางใน ยางนอก เอาแชลงงัดยางนอกออก
*
จากหนัง 35 mm. โซ่ยเจ็กพาหลานบ้านนี้ 3 คน ไปเที่ยวเขาดิน ไอ้ป๊อปใส่หมวกทหาร นั่งชิงช้า
*
โซ่ยเจ็ก เคยพาไปเซ็นทรัล ชิดลม ไปเที่ยว ซื้อรถเหล็กคันเล็กให้ไอ้ป๊อป..แต่ขากลับ กลับแท็กซี่ มันก็ลืมไว้หน้าคอนโซล...เสียดายสตางค์
*
โซ่ยเจ็กพาไปเที่ยวแฮปปี้แลนด์
*

10 กย.54

น้ำปลา..เวลาลูกค้าซื้อน้ำปลา..เอาขวดมาคืน หักค่าขวดคืนให้ลูกค้าใบละ 1 บาท (ขวดใส) ขวดดำ (สีชา) ถ้าจำไม่ผิด หักค่าขวดให้ใบละ 50 สตางค์
*
มีน้ำมันพืชตราช้างบิน น้ำมันปาล์มทิพ น้ำมันถั่วเหลืองกุ๊ก

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

8 กย.54

วันหยุดเสาร์ หรืออาทิตย์..
ถ้ามีรถ 6 ล้อคันใหญ่ มาส่งน้ำปลา น้ำส้มสายชู (เทียม) เอาขวดเปล่าลงลังให้เด็กรถเอไปก่อน..เราจะต้องเป็นคนเอาน้ำปลาพวกนี้ออกจากลังไม้ฉำฉา..ขึ้นเรียงบนชั้น..มีน้ำปลาทิพรส โบว์แดง เด็กจับปู น้ำส้มสายชู  ๙ ๙ ๙ ...ซีอิ๊วขาว "แมงปอ"...
*

8 กย.54

เมื่อวานกินก๋วยเตี๋ยว..
สมัยเด็ก วันเสาร์อาทิตย์ จะตื่นสายหน่อย..วันเสาร์ ตอนสาย 10 โมง เรากับป้อมจะได้กินก๋วยเตี๋ยว เซ้งแปะ กับอาอึ้ม เรากินบะหมี่เกี๊ยว (เกี๊ยวอร่อยมาก หมูบดสด ปรุงรสอร่อย) ห่อสวยงาม แป้งนุ่ม..กินกับข้าวเปล่า..ป้อมกิน เกี้ยมอี๋ เกี๊ยว..คนละ 1 ชาม
*

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

6 กย.54

เมื่อหร่ายมึงจะมาด่ากูในนี้ซะที...ดีแต่คาบไปฟ้องแม่..ทุ้ย...
*
ต่อ..
"มึง..ให้ไอ้ 2 ตัวมันเลี้ยง"  "มึง..ให้ไอ้ 2 ตัวมันเลี้ยง"
"กูเป็นคนหา..มึงเป็นคนใช้เงิน"  "กูเป็นคนหา..มึงเป็นคนใช้เงิน"
"ไปหากินเอาเองก็แล้วกัน"  "ไปหากินเอาเองก็แล้วกัน"
"ที่นี่ขายดี ตอนเย็นๆ ยุ่งขายดีพอพอกับเซ้เว่นเลย...เอ็งมาขายโชห่วยสิ ไม่เหนื่อยหรอก.."
"แล้วทำไมไม่ให้ไอหลินมาขายล่ะ"
"มันไปอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้" (จริงเหรอ..กูว่าโทร.ถามกันทุกวันมากกว่ามั้ง "เงินพอใช้มั้ย ไม่สบายหรือเปล่า มีอะไรให้ช่วยให้รีบบอกนะ..จะรีบโอนเงินไปให้..เงินที่ยืมไปเรียนปริญญาโท..ไม่ต้องคืนนะ..เก็บเงินไว้จ่ายค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ..หรือไม่ก็เรียนต่อปริญญาเอกให้จบเป็นดอกเตอร์ไปเลย..ให้พวกมันเห็นว่าเราดีกว่า เราเก่งกว่า ไม่ต้องใช้เงินของอา 2 คนที่โหดร้ายพวกนั้น)
*
พูดไปตั้งนานแล้ว..ก่อนเดินออกจากบ้าน
"หลิน เขาไปเกี่ยวอะไรกับมึงด้วย"  "หลิน เขาไปเกี่ยวอะไรกับมึงด้วย" ฮึ
*
ตะโกน
"เตี่ยมึงให้ใช้เดือนละพัน..ไอป๊อปอุตส่าห์ให้มึงใช้เดือนละ 2 พัน"
"เตี่ยมึงให้ใช้เดือนละพัน..ไอป๊อปอุตส่าห์ให้มึงใช้เดือนละ 2 พัน"

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

สุชาติ สุพรรณโกมุท ไอ้หน้าตัวเมีย..จะด่ากูทั้งที ฝากปากแม่ด่า..น่าไม่อาย กิ๊ว กิ๊ว

ทุกประโยค ต้องพูด ต้องด่าซ้ำ 2 ครั้งเป็นอันดับแรก
*
"มึงยืมเงินกูไปหมื่นนึง เมื่อไหร่จะคืน" "ไหนว่าจะไปขายของได้เงินไง เมื่อไหร่จะคืนเงินหมื่นนึงกูซักที"
"จะให้กุขาย...สระอีเหรอ..ทุนก็ไม่มี"
"อะไร เงินหมื่นนึงไม่พอเหรอ"
"หมากินขี้ ไม่ได้กินข้าว"
"ตัดขาดกันไปเลย ไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก บาทนึงกูก็ไม่ให้..ชดใช้หนี้ให้มึงไม่มีวันหมดสิ้นสักที"
"เอาเลขที่บัญชีมา สิ้นเดือนให้แจ๋โอนให้ 2 พัน" (อ้าวที่เขียนให้เมื่อเดือนที่แล้วเอาไปทิ้งไหนล่ะ ..ถ้าไม่ตัดสินใจมาเอาเงินวันนี้ ไม่ต้องกินข้าวกันพอดี)
"มีคนเขาบอกกูว่ามึงฝากเงินไว้ทีแม่แสนนึง กูไม่เห็นเงินมึงสักบาท" (อะไรนะ ไม่เคยพูดว่าให้..คุณนายวิภารีบพูด..เสียงดัง "ฝาก ฝาก")
"ใครพูดล่ะ" / "มีคนเขาบอกกูมาก็แล้วกัน" / "บอกมาสิว่าเป็นใคร กูไม่เคยพูด กูไม่เคยพูด กูไม่ใช่คนตอแหล" (หรือถ้าเคยพูดจริงมันสำคัญนักเหรอ..เพราะกูก็ไม่เคยพูดทวงเงินแสนนึงที่ว่านี่เลย)
"อะไรนิดอะไรหน่อยก็ทวงบุญคุณ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ทวงบุญคุณ" (กูทวงบุญคุณแล้วจะได้เหรอ..คนเรานะ..ถ้ารู้จักบุญคุณคน..แม้แต่น้ำเปล่าแก้วเดียว..คนที่ได้รับบุญคุณก็ต้องรีบหาทางขอบคุณให้ได้สักวันหนึ่ง...พวกมึงน่ะเหรอรู้จักบุญคุณคน..ไม่มีวันเสียหรอก)
"เค้าด่ากู 40 50 ปี เค้าด่ากู 40 50 ปี"
"เป็นล้านกูก็มี เป็นล้านกูก็มี"
"ลูกหลานคนไหน ก็ก็ให้คนนั้น ลูกหลานคนไหนดี กูก็ให้คนนั้น" เส้นเสียงดัง (ไม่ต้องบอกก็รู้..แต่พูดอีกทีก็ดี จะได้มีคำพูดเป็นหลักฐานที่ดี)
"ทำไมค่าจักรที่กูให้มึง ทำไมมึงไม่พูด" (ที่ยังไม่พูดเพราะอยากรู้ว่าคุณนายวิภาจะพูดไหม..จะด่าอะไรอีกมั้ง..ตามคิด นี่แหละทวงบุญคุณ)
"ค่าตู้เสื้อผ้ากับตู้ล็อคเกอร์ เอา 3,500 ค่าโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ที่ไอ้ป๊อปซื้อต่อครึ่งราคาอีก 1,200 เป็น 4,700) แต่คุณนายวิภา คิดเลข (ด้วยความโกรธ โมโห) เลยคิดเป็นเงิน 6,000 จริง ๆ ให้ค่าเช่าของป๊ามาแล้ว 2 พัน (ถ้าไม่ตายจะไปใช้คืนให้)
"หักค่าจักกับค่าโทรทัศน์ไปอีก 2 พันด้วย"
"เขียนใส่สมุดให้กูด้วย"  (เขียนแล้ว รู้ว่าต้องมาเขียน) "ไหน ๆ อยู่หน้าไหน..ต้องให้เห็นกับตา"
เซ็นชื่อ "สุวรรณา สุพรรณโกมุท" "ไม่มีหนี้อะไรอีกแล้ว"
"ด่า..ด่า..ด่า... เอาไปเลย กูแถมค่ารถให้ด้วย รวมเอาไปเลย 6,000 แล้วไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก..ใช้หนี้ให้มึงไม่หมดไมสิ้นสักที)
"เตี่ยมึงตายไปแล้วกูก็ไม่กลัวนะโว้ย (ซ้ำ") (รู้แล้วเห็นมาตั้งแต่ยังเป็นสาว..แม่ลูกพูดเหมือนกันเลย..
ตอนมันลงบันได้มา..ด่ากูเสียงดัง..พ่อแม่กูก็ไม่กลัวนะโว้ย..กูจะฆ่ามึงให้ตายทีนี่..ก็ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น..)
แจ๋บอก "เอ็งก็มาขายของชำสิ ไม่เหนื่อยหรอก" / "ถ้าไม่เหนื่อยแจ๋ก็ขายไป กูชอบเหนื่อย"
"ตอนเย็นยุ่ง ๆ ขายดีพอพอกับเซ้เว่น" จริงเหรอ..งั้นแจ๋ก็ขายไป..
*
อืมอะไรอีกนะ..เหมือนจะมีอีก..ลืม ๆ อยู่
*
ลองคิดดู บ้านดินแดง ถ้าซาโกวเขาไม่ให้ขายให้ (ดูเหมือนจะไม่ได้เอากำไรนะ ถ้าจำไม่ผิด) ทำไมไม่พูดว่า "มึงด่ากูมา 30-40 ปี แล้ว กูไม่ซื้อหรอก ไม่ว่าจะถูกหรือให้ฟรีกูก็ไม่เอา" แต่คุณนายวิภาก็ซื้อต่อจากเขา..อยู่มา 20-30 ปีนี่..เขาไม่มีความดีบ้างเลยเหรอ
*
เขาโอนที่ทำมาหากินที่ร้านผัก เขาโอนให้เป็นกรรมสิทธิ์เป็นเอกสารทางราชการ..ตอนนี้มีเงินมีทอง มีรายได้ ร่ำรวยแล้วลืมตัวเหมือนวัวลืมตีน..
*
ตอนไอ้ป๊อปมันเรียนหนังสือที่โรงเรียนประจำดาราสมุทร..ซาโกว โซ่ยโกว เขาก็ทำเค้ก 2 ปอน์ให้ 2 กล่องฝากไปให้มาเซอร์ (master) เขาไม่ได้มาเก็บเงินค่าของด้วย กูยังไม่ซื้อเนยที่ Food Land เลย
อร่อยมาก หน้าหอมเนย เค็ม ๆ มัน ๆ
*
ทำไมตอนเขาจ้างไปทำบ้าน ซ่อมบ้าน ซ่อมห้องน้ำ สารพัด..ทำไม คุณนายวิภาไม่ห้ามลูกชายว่าอย่าไปทำให้เขา..พวกมันด่ากูมา 40-50 ปี พวกมันเลว..เหอะๆ ถ้าไม่หวังผลประโยชน์จากเขา..จะไปทำให้เขาเหรอ..พอเขาทำอะไรไม่ถูกใจก็ขุดเรื่องเก่า ๆ มาด่า..สารพัดอีกนั่นแหละ..
ถ้าพวกซาโกว โซ่ยเจ็กเขาไม่จ้างไอ้ป๊อป..ถ้าไม่มีแม่อย่างคุณนายวิภาจ้างลูกชายคนนี้ทำงาน..จะมีใครเขาจ้างไอ้ป๊อปทำงาน..นอกจากข้างบ้านดินแดง 2 ข้าง เขาจ้างก็เพราะถูกล่ะมั้ง...
รู้ก็รู้ว่าทำงานแบกเหล็กแบกลูกกรงเหล็กคนเดียว มันหนัก หักโหมเสียสุขภาพ ควรจ้างคนช่วยขน..ก็ไม่ทำ..แล้วตอนนี้เดี้ยง..คุณแม่ก็สงสารเห็นใจ อยากให้สบาย ทั้งทำงาน เป็นอยู่ ยังไม่ 50 เลย ได้อยู่อย่างสุขสบายเสียแล้ว..บนกองมรดก..ค่าเช่าบ้าน คู้ซ้าย คู้ขวา
*
โซ่ยเจ็กมาบ้านร้านผักก็คุยดีกับเขา..ทำไมไม่ด่าเขาล่ะ...มาด่าลูกชายกูทำไม..เวลาลับหลังเขาก็ด่าเขา..เลว
*
ไอ้ป๊อปด่าลูกมัน..อย่าไปเอาเงินมัน อย่ากินของมัน (แม้แต่เงินค่าขนมที่รินฝากมาให้เด็ก 2 คน)
*
ไอ้หน้าตัวเมีย ไอ้ตอแหล..มึงอ่านเสร็จแล้วก็คาบเฉพาะข้อความที่เป็นประโยชน์กับมึง..แล้วให้แม่มึงด่ากู..ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ
*
"มีการมาพูดว่าเลี้ยงพี่เลี้ยงน้อง มีการมาพูดว่าเลี้ยงพี่เลี้ยงน้อง"
"ไปถามดูได้เลยทั้งซอยพิพัฒน์ 2 ว่าใครทำ...กูทำคนเดียว...ไปถามดูได้เลยทั้งซอยพิพัฒน์ 2 ว่าใครทำ..กูทำคนเดียว...แล้วใครขับรถไปขนกับข้าว..หมาตัวไหนที่ไปเฝ้ารถ..หมาตัวไหนไปช่วยหิ้วตะกร้า..หมาตัวไหนไปตลาดสามย่าน"
"หนอย..ว่ากูไม่พูดว่ามึงไม่มีความดี" (ประโยคนี้ไม่เข้าใจความหมาย..พูด ๆ ไป)
*
"ได้เงินแล้ว คุณนายแม่วิภาจะด่าอะไร ๆ ก็ยืนฟังเฉย ๆ ไม่เถียงสักคำ"
"โห..ตู้เสื้อผ้า ผุหมดแล้ว มึงอยากได้..ขนเอาไปเลย"
"ขนเอาไปเลย...เอาตู้เสื้อผ้าของกูลงมาให้เปียก ผุ ใช้มา 20-30 ปี ให้กูขนกลับไปเหรอ" (ใช้มุขเดียวกับตู้เย็น "มึงใช้มา20-30 ปีแล้ว ให้เขาฟรีเขายังไม่เอาเลย..แต่เขาก็ขนไปไม่ใช่เรอะ?)
"ไม่เอา กูจะเอาค่าเสียหาย"
"เท่าไหร่ว่ามาเลย แล้วไม่ต้องมาอีก..เป็นล้านกูก็มี" (แต่ในใจพูดต่อว่า "แต่กูไม่ให้มึงแม้แต่บาทเดียว)
"ให้ที่ดินที่กำแพง 10 กว่าไร่มึงก็ไม่เอา" (ไม่เอาสมบัติของเขา เขาก็ด่า มีเรื่องอะไรที่คุณนายวิภาไม่สามารถด่ากูได้มั่งเนี่ย"
"ก็มึงพูดเองว่าไม่เอาสมบัติ..ตอนนี้จะมาเรียกร้องเอาอะไร" (ซ้ำ)
"เชอะ จะฟ้องร้อง เชิญเล้ย เชิญ..ไปฟ้องเอาเลย"