วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

25 กค.54 (กลัวเสียเมื่อไหร่น่ะ..ไอ้ที่เราขู่ไป)

"อะโล๊ะ.." "ม้าเหรอ" "เออ"
"เดี๋ยววันศุกร์นี้เค้าเข้าไปเอาเงินป๊า 2 พัน"
"ฮ๊า..อะไรนะ" (เสียงเข้ม)
"วันศุกร์เค้าจะกลับไปเอาเงินของป๊า 2 พัน"
"วันศุกร์ไม่ว่าง ไปทำธุระบ้านดินแดง"
"วันพฤหัสฯว่างมั้ย"
"ไม่ว่าง ไม่ว่าง ว่างวันอาทิตย์"
"งั้นเค้าไปเช้าวันอาทิตย์"
"เออ..เออ...เอาอะไรอีก" (เสียงเหมือนโห..สุดบรรยาย)

"ตอนโน้นซาโกวให้แหวนเค้าวงนึง ที่เค้าฝากม้าไว้"
"แหวนอะไร.."
"แหวนทอง มีพลอยรอบ ๆ ตรงกลางมีสูง ๆ"
"จะเอาไปขายใช่มั้ย"
"เออ.เออ."

"แล้วตอนเค้าเกิด อากง อาม่า อากุ๊ง อาผอ ให้ทองหรืออะไรเค้ามั่งหรือเปล่า"
(เสียงแหลม เสียงดังทันที)  "เค้าไม่ได้ให้มึง"
.............................
แหวนทองจะน้ำหนักเท่าไหร่กัน 2 พัน ยังไม่พอจ่ายค่าเช่าเลย
ต้องนั่งรถตู้ไปเอา...เพราะคุณชายสุชาติ สุพรรณโกมุท (พี่ชายที่แสนดี) คงไม่ว่าไปโอนเงินให้เรา(ไอ้กระจอก)หรอก
.............................
สมบัติชิ้นเดียว ชิ้นสุดท้าย เท่าที่คิดออก..ไม่มีแล้วล่ะ...

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

23 กค.54 20.18

ได้บิลค่าเช่าห้อง น่าจะเป็นของเดือนที่แล้ว 3,309.-

ตอนสารทจีน เทศกาล คุณนายแม่วิภา ใช้ให้เราไปซื้อขนมเทียนที่บ้านไถ่หยีที่วงเวียนใหญ่
เอาตะกร้าไปใส่ นั่งรถเมล์ไป-กลับ

ตรุษจีน สารทจีน ผัดหมี่ซั่วไหว้อากงอาม่า ชงน้ำชา จัดผลไม้ใส่ถาด ไหว้เสร็จเก็บของ
อุ่นกับข้าว ทำไก่รวนเค็ม หมูสามชั้น ก็หั่นเอามารวนเหมือนกัน ใส่เกลือ พริกไทย ผัดคนละกระทะ (เต็ม)
ไม่ได้ทำไก่ เป็ด แต่ก็จัดลงถาดซาแซ
ก่อนไหวตรุษจีน จะช่วยกันปั้นขนมบัวลอยใส่กระจาดไม้ไผ่ อยู่กันจนดึก เราก็นั่งทำนั่งปั้นช่วยปั้นจนหมด จำไม่ได้ว่ามีลูกคนอื่นช่วยหรือไม่

ก่อนเที่ยงคุณนายแม่วิภา จะใช้ให้ไปแลกแบงค์ย่อย เหรียญบาท เหรียญห้าบาท ที่แบงค์สีขาว
หรือเค้าโกรธที่เราทำเงินเขาหาย 2,000 บาท

เจียวน้ำมันหมูจากมันหมูแข็งที่เริ่มมีกลิ่นเล็กน้อยในกระทะ คุณนายแม่วิภาหั่นให้ เราเอาลงกระทะ ใส่หอมแดงทั้งเปลือกลงไปด้วย เพื่อช่วยลดกลิ่น เจียวเสร็จตักขึ้นใส่หม้ออลูมิเนียมใบใหญ่ เอาไว้ตักใส่ถุงขายวันรุ่งขึ้น เรายังช่วยตักใส่ถุง ม๊าชั่ง แล้วเราช่วยมัดปากถุงด้วยหนังยางเส้นเล็กสีแดง

เจียวน้ำมันหมูทำกับข้าว มีกากหมูอร่อย ๆ กิน (เลยอ้วน) ใส่อวยอลูมิเนียมมีฝาปิด

ทำหมูหยอง คุณนายแม่วิภา หั่นหมูเป็นก้อนสี่เหลี่ยม ใส่เครื่องปรุงในหม้ออลูมิเนียมใบเล็ก ตั้งไฟอ่อนให้เปื่อย น้ำแห้งติดก้นหม้อ เราก็เอาขึ้นแล้วใส่ครกตำให้เป็นเส้นฝอย ตั้งกระทะ ไฟอ่อน เอาหมูลงค่อย ๆ คั่วจนแห้ง ได้หมูหยองที่อร่อยมาก

ตอนไปช่วยซื้อของที่ตลาดวงเวียนใหญ่ ป๊าขับรถยูเทิร์ตก่อนขึ้นแยก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปออกตลาดวงเวียนใหญ่ หาที่จอดรถ เราลงไป งานแรกก็นั่งเลือกมะเขือเปาะ แตงกวา ซื้อกระเทียม เห็ดฟาง มะนาว ฯลฯ เสร็จแล้วเอาไปไว้ที่รถ กลับมา..เดินไปในตลาดฝั่งเดียวกัน ซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยว เต้าหู้ขาว เต้าตู้เหลือง เต้าหู้ไข่ เต้าหู้หลอด (สีขาวตรานางพยาบาล) ...ใส่ตระกร้าเอาไปไว้ที่รถ...ข้ามไปตลาดฝั่งโน้น เดินไปซื้อผักคะน้า...หิ้วกลับมาที่รถ เดินไปช่วยหิ้วพริกแกง หน่อไม้เหลือง ช่วยหิ้วไก่หิ้วเนื้อ กุ้ง หมึก ปลา..หอยกะพง หอยลาย...ปลานิล ปลาแดง ปลาทูสด เนื้อวัวซื้อประมาณ 1 กก. ม๊าใช้มีดยาวปลายแหลมหั่นขายให้ลูกค้า จัดเข่งปลาทู เข่งเล็ก เข่งใหญ่ ลงในกะละมังเทเห็ดฟาง มะเขือเปาะ มะเขือเทศ แตงกวา แตงร้าน หอมใหญ่ ยกถาดไข่ไก่มาวางเข้าที่
ช่วยหยิบกุ้งสดใส่ถุง ชั่ง มัดปากถุง หยิบถั่วงอก ขนมจีน(แป้งหมัก) ใส่ถุง ช่วยห่อปลาทู เอาใบตองฉีกวางบนกระดาษหนังสือพิมพ์ ห่อ แล้วใช้หนังยางมัด พับด้านที่มีหัวปลา ใส่ถุงหูหิ้ว
ช่วยตักปลาร้า ปลากระดี่

เวลาจัดลงถาด จะเรียง ปีกไก่ น่องไก่ สะโพกไก่ให้อย่างสวยงาม ปลาก็หันหัวไปทางเดียวกัน

น้ำตาลปี๊ปที่ซื้อมาจากปากคลองตลาด เราก็จะช่วยแงะใส่ถุง ใช้ตะหลิวเหล็กงัดขึ้นมาก บางทีก็ได้แบบแข็ง บางทีก็ได้แบบอ่อน (งัดง่ายหน่อย) ซื้อปลาร้า(ปลากระดี่) เต้าหู้ยี้(สีแดง) มะนาวดอง (ใส่ขวดโหลใส)

สมัยก่อนโน้น "เฮงซังเฮง" ขายนุ่นใส่ถุงกระดาษใบใหญ่ แขวนบนขื่อไม้เพดานด้านบน เราต้องใช้ไม้ตะขอเกี่ยวสอยเชือกผูกปากถุงลงมา...

เออ..มีอะไรที่เขาใช้เรา แล้วเราไม่ทำมั่งนะ..พยายามนึก
คุณชายสุชาติก็กลับมาทำ ตอนช่วงปิดเทอมมั้ง ช่วงที่เราได้ไปพักผ่อนที่บ้านนอก
กำแพงเพชร กิโล4

ป๊าขายไอติม (อากงยกบ้านให้..ที่ร้านขายข้าวซอยไก่ หลังแบงค์...วันนี้) ยี่ห้อ peanut มั้ง
กลับมาขายไอติมตักที่บ้านโซ่ยเจ็ก ที่ยกให้ป๊าแล้ว ช่วยป๊าขายก๋วยเตี๋ยวหมูแดง
เอาหมูหมักสีแดง แล้วต้ม ....หั่น ก็ยังขายไม่เป็น ไม่ประสบความสำเร็จ
ป๊าขายก๋วยเตี๋ยว ขายต้มเครื่องใน (ป๊าคงชอบกิน) ไม่ประสบความสำเร็จ
สุดท้าย เลยย้ายไปขายของที่หนองจอกกระมัง...หรือหนีเมียไปก็ไม่รู้...
ขายบ้านหลังแบงค์ ได้ 3 ล้าน ไปซื้อที่ที่หนองจอก 2 แปลง ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าเขาซื้ออีก 1 แปลง
สุดท้ายลูกชาย 2 คน (ของคุณนายวิภา) ได้เอาไปกิน

ถ้าเราไม่สมควรได้อะไรเลย...ก็ต้อง..สมควร...ตายสถานเดียวแล้วมั้ง
ไปที่ชอบ ที่ชอบ...ก็ไม่ได้ไป...
ไปที่อยากไป...ก็ไปไม่ได้...เพราะไม่มีปัจจัย
14,000 คุณนายวิภาพูดให้เป็น 20,000
3 เดือนนี่ใช้อะไร 30,000  / 40,000
อย่าว่าแต่สองหมื่นเล้ย..ย..
สองแสนยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ..นี่เอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย
ลูกสาวคนเดียว อายุปาเข้าไปใกล้ 50 แล้ว ยังคิดจะให้เป็นลูกจ้าง
เป็นทาสขายโชห่วยเฝ้าสมบัติให้เขา วันละ 200 ไม่พอกินหรือไง?
ลูกผัวก็ไม่มีหาเลี้ยง เงินค่าเช่าของป๊าเดือนละสองพันยังพูดว่า...ไม่ใช่จะมีให้นะ...
แต่ลูกชายคนโต เอาบ้านและที่ดินไป 2 แห่ง ค่าเช่าที่เอาไปกินได้ตลอดชีวิตของมันและครอบครัว
หรือบางทีเราอาจจะไม่มีค่าเช่าเดือนละสองพันกินอีกต่อไป..
เพราะมันตระบัดสัตย์...เอาบ้านเอาที่ดินไปจำนอง โละบ้านเช่า ทำโรงงานผลิตเรซิ่น ผลิตเครื่องกรองน้ำ
ก็จะเป็นของพวกมันโดยสมบูรณ์ ถ้าเราจะขอทานเดือนละสองพัน มันก็จะพูดได้ว่า..
"ไม่มีห้องให้เช่า ไม่มีค่าเช่าให้มึงแล้ว มึงจะเอาอะไร ไปทำมาหากินเอาเองแล้วกัน" (ไปทำมาหากินเอาเองแล้วกัน ถ้ามึงไม่กลับมาขายของ(โชห่วย))

รอวันตายอย่างเดียว...

ลูกชายคนเล็กได้ที่ดินเปล่า ติดถนนไป...อีกหน่อยก็คงสร้างบ้านเช่า หรือขายแล้วเอาเงินไปซื้อบ้านและที่ดิน อยู่บ้านสวย ๆ สบาย ๆ กับเมียมัน...

เราจะไปสิงสถิตย์อยู่ที่ไหน...ทำมาหากินอะไร..ซุกหัวนอนที่ไหน
เป็นขี้ข้าใคร ได้เงินวันละเท่าไหร่ จะมีเงินเก็บไหม..
คำตอบ"ไม่มี" เพราะนอกจากขายโชห่วยแล้ว ให้วันละ 200
มึงไม่มีทางทำมาหากินอย่างอื่นแล้วได้เงิน คนอื่นเขาขายกันได้ ทำไมกูทำแล้วขายไม่ได้
อ๋อ..มึงทำดีเกินไป ทุนเยอะเกินไป ขายแพงเกินไป..ไม่มีคนซื้อ
ทำขนมห้าบาทสิบบาทล่ะ...อ๋อ..คนเขาทำขายแล้วเยอะแยะไป มึงทำไม่ดี ก็ขายไม่ได้
ของเหลือก็ต้องทิ้ง...

แต่ลูกชาย2คนของคุณนายวิภา ทำอะไรก็สำเร็จ เจริญรุ่งเรือง...
ที่ดินที่กำแพง 10 กว่าไร่ อยู่กลางป่าอ้อย เราจะเอาไปทำอะไร
คุณนายวิภาให้หลานเช่าทำไร่อ้อย ปีละ 6 พัน เขาก็ไม่ได้ให้เรา
กว่าเขาจะตาย แล้วเราได้ค่าเช่าปีละ 6 พัน..กูคงตายก่อนแล้วล่ะ
ไม่หวังว่าจะได้อะไรอีกแล้ว...แม้แต่บาทเดียว..จากคุณนายแม่วิภา จงมีความสุข
ขอให้เรา..จงมีความทุกข์...ต่อไป...จนตาย

ได้ตั๋วไปเที่ยวระยองกับกรีนเวฟ...บอกเขาว่าได้ไปเที่ยวฟรี
ในใจก็วั๊งหวังว่าเขาจะให้เงินติดกระเป๋าไว้กินไว้เที่ยว
แต่ไม่เลย...เขาเฉย ๆ เราก็ซื้อลอตเตอรี่เล่นๆ2 ใบ ถูกเลขท้าย 3 ตัวใบนึง 421
เลยพอมีสตางค์ซื้อเสื้อผ้าใหม่ มีค่ารถ...ไปเที่ยว..
โห..ทำไมชีวิตกูมีแม่..ใจดีขนาดนี้นะ...

ไอ้ลูกที่เกเร ไอ้ลูกที่ไม่เคยช่วยทำมาหากิน ค้าขาย หลานนอกไส้(ผู้น่าสงสาร)
มาจากเมืองจีน...ไม่เคยที่จะต้องมาช่วยทำมาหาเลี้ยงคนครอบครัวนี้
ทำไมได้รับความสงสารเหลือเกิน ส่งเสียจนเรียนจบปริญญาโท...
ไม่อยากคิดอะไร....

กูทำน้อยกว่าพวกมึงตรงไหนเหรอ...ทำไมกูถึงต้องมาเป็นแค่หมาข้างถนน...
อนุบาล-ป.6 เรียนโรงเรียนเอกชน
มัธยม เรียนโรงเรียนรัฐบาล สอบเข้าเองได้ ไม่ต้องเสียแป๊ะเจี๊ยะ
พาณิชย์ เรียนโรงเรียนเอกชน ก็แพงหน่อย
ปวส. เรียนโรงเรียนรัฐบาล

ไอ้สุชาติ เรียนกี่โรงเรียน
โรงเรียนสหพาณิชย์ (โรบินสันสีลม) แจ๋เห็นนั่ง..หนีเรียน
ตอนไหนไม่รู้..ส่งไปอยู่กับญาติที่ดาวคะนอง..ไปเรียนหนังสือที่นั่น
แล้วสุดท้ายมั้งเลยต้องส่งไปเรียนโรงเรียนประจำดาราสมุทร ถึง ม.3
เรียน ปวช. เกี่ยวกับช่างกล
เรียนปวส. ช่างกล ที่โรงเรียนช่างอุตสาหกรรม กล้วยน้ำไท
โรงเรียนเอกชนทั้งหมด

ป้อมเรียนโรงเรียนเอกชน อนุบาล-ป.6
ม.1-ม.6  โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
ปวช. - ปวส. บพิตภิมุข สาธร
ปริญญาตรี ม.กรุงเทพ

เราไม่เคยป่วยหนักถึงขั้นนอนโรงพยาบาล อย่างมาก็ก็แค่คลินิก "หมอพงษ์" ข้างบ้าน
หรือหนักสุดก็ เป็นหวัด ร้องเหมือนใกล้ตาย หายใจไม่ออก
ป๊าขับรถไปหาหมอที่คลินิกแถวคลองเตย
อยากให้พวกเขาบอกจังเลยว่า...เราผลาญเงิน ผลาญทรัพย์สินอะไรพวกเขาบ้าง
หรือคุณวิภาโกรธที่เราขโมยสตางค์ในตะกร้าไปซื้อของไร้สาระ ตอนที่เฝ้าร้านให้คุณนายวิภานอนบนเตียงผ้าใบหลับกลางวัน (วันเสาร์ อาทิตย์ หรือช่วงเราปิดเทอม)
ขโมยเงินในเก๊ะไปเยอะหน่อย..ตอนยืนช่วยขายของ...

เราชั่วร้ายมากเลยเหรอ...สมควรตายขนาดนี้เลยเหรอ????
ลูกชาย 2 คน ป่วย นอนโรงพยาบาลเอกชน เสียกี่หมื่นกี่แสน
คุณนายวิภา ไม่เห็นจะเคยบ่นอะไรเลย...
เฮ้อ..อ..อ..กูจะตายเมื่อไหร่ดีวะเนี่ย
เออ.ก็อีกไม่กี่วันแหละ...ตายหนีค่าเช่าห้องละกัน

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

23 กค.54

ตอนที่ไปอยู่กับป๊า 2 เดือน
......
นอนในห้องกระจก ต้องซื้อกระดาษหนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ สก๊อตเทป มาแปะติดกระจก ในห้องก็มีแต่โต๊ะไม้ ลังเบียร์หลายยี่ห้อ เกือบเต็มห้อง พื้นห้องสกปรก(นิดหน่อย) เราก็ไม่ได้ทำความสะอาดมากนัก นอนบนเก้าอี้พับ (เป็นท่อนไม้ หลายอันมาต่อกัน พับเก็บได้) ก็คุดคู้ หลังโค้งนิดหน่อย (พอทนได้) วันหลังซื้อหมอนมาลูกหนึ่ง ก็นอนอย่างนั้น จนเกือบ 2 เดือน ป๊าก็ย้ายลังเบียร์ออกไปไว้ในครัว กลางคืนมียุงเข้ามา เพราะกำแพงปูกระเบื้อง ข้างบนเป็นช่องลมเล็ก ๆ ขอบล็อคปูน เราซื้อ อาทแมทมาเสียบปลั๊ก ก็ใช้ได้ผลดี หรือบางก็จุดยากันยุง สีม่วงกลิ่นลาเวนเดอร์ แต่ไม่ไหว ควันเยอะไป ดมกลิ่นยากันยุงทั้งคืน ไม่มีผ้าห่ม เพราะปกติเราก็ไม่ห่มผ้าอยู่แล้ว รำคาญ

จำได้ว่า ป๊าขับรถไป Lotus ซื้อ เตาไมโครเวฟ (ของเก่าพื้นเตา ผุทะลุเป็นสนิม เห็นตอนยกจานแก้วออก ไม่รู้ว่าป๊าได้รับคลื่นไมโครเวฟที่รั่วออกมาจากเตาบ้างหรือเปล่า?) ซื้อเครื่องซักผ้า ซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น ทุกอย่างเราช่วยขนลงจากรถกระบะ ป๊าติดตั้งทุกอย่างเอง
สิ่งของเหล่านี้ ทุกวันนี้ คุณสุชาติ (POP) กับครอบครัวก็คงได้ใช้กันอย่างมีความสุข

มีโต๊ะสนุ๊กเกอร์ ถ้าขายก็คงจะได้เงินเป็นหลักหมื่น อันนี้ คุณสุชาติ (POP) ก็ได้เป็นเจ้าของครอบครองไป ข้าวของโชห่วยไม่ค่อยมีแล้ว..เพราะเอามาขายที่บ้านคุณนายวิภาหมดแล้ว

เช้าก็ตื่นขึ้นมากวาดพื้นบ้าน เอาก้นบุหรี่ที่โต๊ะสนุ๊กฯออก
มีแม่แมวออกลูกมาหลายตัว กำลังน่ารัก ด้วยความที่ไม่อยากให้ซน ไปถ่ายบนของที่ขายขวดโซดา
เราซื้อเชือกมาผูกคอพวกมันไว้กับเสา มันก็จะซน มัดคอจนหายใจไม่ออก สุดท้ายก็ต้องเอาเชือกออก
แล้วก็เอาไปขังในกรง(หมา) แทน เช้าก็ปล่อยออกมา

มีตาแก่คนหนึ่ง ซื้อเหล้ากินประจำ ชอบพูดจากแทะโลม น่าเกลียด (ขนาดเราแก่40กว่าแล้วนะเนี่ย) (เราจะเอาเงินเขาเราก็ต้องทน..บอกป๊า...ป๊าไปพูดกับเขา...เขาก็เลยเลิกพูด แต่เวลามาซื้อเหล้า ก็ยังมีบ้างนิดหน่อย ชั่งเถอะ...แถมให้ค่ะ..หนูนี่น่าร๊าก..มาก...)
คนซื้อบุหรี่แล้วเขาสูบ เราแพ้ควันบุหรี่ ก็อุดจมูก ลูกค้าเขาก็ว่า.. บางทีก็ต้องกลั้นหายใจเอาไว้ก่อน จะเอาเงินเขานี่..ทำไงได้..มะเร็งปอดก็ต้องเอาไว้เหมือนกัน..คุณนายวิภาเขาต้องการให้เราเฝ้าผัวเขา..ช่างไม่รู้อะไรเล้ย..ตอนเก็บเสื้อผ้าหนีไปอยู่ห้องเช่าที่ซอยไมตรีจิต ตอน 2 ทุ่ม.. ไม่ยักรู้ว่าคุณนายวิภาเขาดีใจ..พอกลับไปดินแดง ไปสีลมคุณนายวิภาเขาพูด.."กลับมาทำไม ทำไมไม่ขายของให้ไอ้ยามมันดูว่า ขายให้รวย ขายให้รวย" นั่งคิดหลายวันถึงได้รู้ว่าอ้อ..เขาอยากให้เราเฝ้าผัวเขา เอาเรื่องเราทะเลาะกับยาม (ปากหมา) มาอ้างอีก) ทำไมเขาไม่เอาขี้เถ้ายัดปาก หรือโยนบ่อน้ำไปซะนะ..หรือว่าตอนเรา เขาเจออะไรที่ป๊าทำไม่ดีกับเขา เราคงเป็นตัวซวยสำหรับเขาแหงเลย..อายุจะ45แล้ว เพิ่งรู้ว่า..ทุเรศ คุณนายวิภาเขารักแต่ลูกชายเขา...

เคยเล่าให้แจ๋ฟัง "ม๊าด่าเค้าเรื่องทะเลาะกับไอ้ป๊อป (เล่าที่มาที่ไป)"
"เฮ้ย อย่าคิดมาก แม่เอ็งเขาก็ด่าไอ้ป๊อปอย่างแรงเหมือนกัน ไม่ได้ด่าเอ็งคนเดียว ...คนที่เขาไม่เคยด่าเลย มึงรู้มั้ยใคร"
"ไม่รู้"
"ก็ไอป้อมไง..เขาไม่เคยด่า" (ไม่รู้แจ๋พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร)
(ก็คงจะจริง ตอนที่ไอป้อมลาออกจากงานที่เก่า อยู่ในห้องชั้น 2 คนเดียว เป็นปี หรือนานเท่าไหร่ เราก็จำไม่ได้..ไม่เคยเห็นคุณนายแม่วิภา ลาก จิกด่า ให้มาขายของที่สีลมเลย...เอาเงินที่ไหนมากินมาใช้ เราก็ไม่ได้ใส่ใจ...เขาอาจจะกินเงินเก็บเงินเก่าของเขาก็ได้)

อ้อยังมีสมบัติอีกที่หนึ่ง ไอป๊อปมันซื้อไว้ แล้วผ่อนไม่ไหว ตอนแรกมันก็ชวนเราซื้อ ก็โอเค.เขาทุบกำแพงติดกัน2ห้อง ตอนหลังเราไม่มีเงินให้เขา คุณนายแม่วิภาต้องเสียเงินกว่า 2 หมื่น คืนห้องเขาไป ให้เขาทำกำแพงใหม่..
น่าจะเป็นชื่อของ "วิภา จงมีความสุข" เป็นเจ้าของ เพราะเขาเคยพูดว่าตึกแถวที่พนมสารคาม จะยกให้ไอป้อม...เรื่องสมบัติพัสถาน เราไม่รู้เรื่องอะไรสักเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ เขาอยากจะยกให้ใคร..แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้ ไม่มีอะไรที่เขาอยากจะยกให้ หรือโยนเศษเสี้ยวให้ แม้แต่สมบัติอากงอาม่าที่เป็นของป๊า..ก็ยังเป็นของลูกชายเขาแค่ 2 คนเลย...
หรือว่าเป็นเวรเป็นกรรมของเรา..ชาติที่แล้วเราอาจจะไปโกง 2 พี่น้องนั่นมาก็ได้...
ชาตินี้คุณนายแม่วิภา เลยต้องมา...เอาคืน...ให้ลูกชาย 2 คนของเขา

พูดถึง 2หมื่น...ตอนที่ด่ากับไอป๊อป ติดป้ายจะขายบ้านดินแดง มีคนมาดูบ้านแล้ว (จะเอาปัญญาที่ไหนไปขาย สมบัติของคุณสุชาติเต็มบ้านออกอย่างนั้น เครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องจักรอุปกรณ์ทำบ้าน ที่คุณนายวิภาสนับสนุนให้ลูกชายทำ ซื้อให้ทุกอย่าง ไม่เห็นเคยบ่นสักคำว่า "อะไรก็ต้องลงทุน ทำงานไม่ได้เงินแล้วทำทำไม" งานทำบ้าน ห้องน้ำ ติดโถส้วม ทำเพดาน ฯลฯ คงเป็นงานที่ทำแล้ว เขาเห็นแล้วว่าได้เงิน

ตอนเทพื้นปูนปูกระเบื้องบ้านดินแดง มันก็ให้เรามาช่วยจับจอบตักกรวด ทราย ปูน ยกน้ำเทผสมปูน เราก็ทำ ไม่เคยบ่น ไม่เคยเรียกร้องเงินแม้แต่บาทเดียว ปวดเมื่อยไปทั้งตัว ปวดแขนมาก ก็ไม่ได้ขอเงินไปซื้อยามากิน หรือซื้อยามาทา ทำ2-3 วัน มันตัดกระเบื้อง เป็นคนปูกระเบื้อง (แน่นอนต้องมีเครื่องมือตัดกระเบื้องด้วย)

มันเรียกให้เราช่วยยกไม้กระดานแผ่นใหญ่ ขึ้นไปดาดฟ้า ทำเพดาน ให้ช่วยยก มันตอกตะปู เราก็ยก ผู้หญิงอ่ะนะ มันด่าด้วย..อะไร จำไม่ได้แล้ว...
งานพวกนี้ มีหรือที่คุณนายแม่วิภาจะไม่ให้เงินมัน ไม่ว่าจะค่ารถไปซื้อของ เงินทอนก็คงไม่เอา..ให้ลูกไป..อืม...ม..ม......................

คุณนายวิภากลัวมาก เพิ่งผ่าตัดเข่าเสร็จกลับจากโรงพยาบาลพักวันสองวัน ให้เรานั่งแท็กซีไปกับเขา ไปเสียเงิน 2 หมื่นให้กรมที่ดิน เพื่อโอนบ้านและที่ดิน(บ้านดินแดง) กลับมาเป็นชื่อของเขา...
ตอนนี้ค่าเช่าบ้านที่พนมสารคาม เป็นของใคร..ไม่รู้  (ตอนนั้นเขาทำเป็นพนมสารคามเมืองใหม่ ยังไม่ค่อยมีคนเข้าไปอยู่)

เราอยู่ที่นี่แหละ..รอวันตาย หรือถูกส่งเข้าคุก ข้อหาไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน
เมื่อเช้า คุณแม่บ้านบอก "บิลค่าเช่าออกแล้วนะคะ"

(เก็บบิลไว้ในสมุด จำไม่ได้ได้ว่าเล่มไหน ยังไม่ได้หา)
บิลของเดือนที่แล้วน่าจะผิด 27-30 มิย.54 / 400 บาท (จริง ๆ แล้วต้อง 27-31 พค.54 =500 ถ้าเขาคิดวันละ100)
ค่าเช่าของเดือน ...27/06 - 27/07  =2,400 (จริง ๆน่าจะเป็น 1-30 มิถุนายน 2554 หรือ 1-30/06/54 เพราะ 5 วันของเดือนพฤษภาคมถูกคิดเงินไปแล้ว)
เดี๋ยวต้องหาบิลของจริงมาดูอีกที

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

หมู่บ้านเสนานิเวศน์ รายการพี่กิ๊ก เคยเอาน้อง ๆ มาออกรายการ โตกันหมดแล้ว

โฆษณาหมู่บ้านเสนาฯ นิเวศน์
http://www.youtube.com/watch?v=5T_4nCjRxeU
ขอบคุณ http://www.youtube.com/user/naanping อันแน้..เจ้าประจำอีกแล้ว ขอบคุณม๊าก ๆ

ขายของ ตอนต่อไป

ก็จะมีคนมาส่งเตา เขาเรียกอั้งโล่ละป่าวน๊า ด้านล่างจะกลมเล็กกว่าปากเตา
มีหลายขนาด เราจะเอาชอล์คมาเขียนราคาที่ขอบเตา มีอีกแบบหนึ่ง กลม ๆ ลึก ๆ
มีเวลาคนมาซื้อลิ้นเตา เขาจะเอาไม้กวาดแข็ง หักมาให้มีเส้นผ่านศูนย์กลางเท่าที่ต้องการ
เราก็เอาไม้ไปวัด แล้วห่อกระดาษให้เขา คิดตังค์ให้แม่
บางคนซื้อเตาก็ต่อราคาซะหลายบาทเลย แต่แม่เราก็ลดให้เขานิดหน่อย กำไรไม่เยอะ (แม่บอก)
ที่เราขายไม่มีเหล็กข้าง ๆ สมัยนี้มีแบบประหยัดพลังงานเยอะเลย
http://www.google.co.th/search?q=%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B9%88&hl=th&biw=1024&bih=571&prmd=ivns&source=lnms&tbm=isch&ei=7eYnTsXCI8aqrAeQoOmoCQ&sa=X&oi=mode_link&ct=mode&cd=2&ved=0CBgQ_AUoAQ

ใช่ สมัยก่อน เตาบ้านเราใช้แบบนี้ แต่ขอบข้างบนไม่สวยเท่านี้ เหมือนเดี๊ยะเลย



ถ่านไฟฉาย ตรากบ สีเขียว (อ้าวจำผิดจริง ๆ เป็นสีแดง) งั้นเนชั่นแนลก็สีเขียวน่ะสิ ตราแพะสีเหลือง เนชั่นแนล



มีแชมพู (ผง) แฟซ่า สีเขียว กับสีชมพู (หอมมาก)พ่อเราชอบใช้สีเขียว ใช้ให้เราไปหยิบบ่อย ๆ
   
มาเป็นกล่องเหล็กเลย



มีถุงเท้าคาร์สัน หลายขนาด


ยาย้อมผม "บีเง็น" ยาย้อมผม "ออร์ด๊าซ"   "Just Modern" สมัยนี้เป็น Just formen แล้วมั้ง
สมัยเรามีสีนี้สีเดียว  ยังไม่มีรุ่น คัลเลอร์
สมัยโน้นเป็นภาพวาดผู้ชาย กล่องสีแดงละมั้ง

ครีมขัดทองเหลือง ปาสโซ่ (จำไม่ได้ละ) ครีมขัดรองเท้ากีวี แบบตลับ สีดำ สีน้ำตาล  แปรงขัดรองเท้า
ครีดขัดทองเหลืองเป็นตลับ มีลาย ขาวแดง สลับกันเป็นวงกลม ตามรัศมีของฝา
 สมัยเราเป็นตลับสีดำ ทั้งตลับ ส่วนสีน้ำตาล ก็บอกเป็น Brown มีสีน้ำตาลที่แถบ Brown
น่าจะยังไม่มีแบบขวด บีบเป็นน้ำครีม


หวีเสนียด (ตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาเอาไปหวีเหา) เข็มกลัด สก๊อตเทปลูอิส "Luis" ม้วนเล็ก ๆ อันละ 1 บาท
อันใหญ่ 6 หรือ 7 บาท
  เห็นมีโรงงานสก๊อตเปท "Louis" ที่อมตะนครด้วยอ่ะค่ะ ริมถนนใหญ่ เส้นไประยอง (มั้ง)

ลวดอลูมิเนียม หลายขนาด ตั้งแต่เส้นเล็ก จนถึงเส้นใหญ่ เชือกไนล่อน หลายขนาด เส้นเล็ก กลาง ใหญ่


สบู่โรเซ็ท (กลิ่นกุหลาบ) นี่ก็ขายดีมากเลย (search ภาพไม่มี) จำได้ว่า เป็นห่อกระดาษสีขาว มีรูปดอกกุหลาบ (หอมมาก)


มีโบตัน (ตลับสีเหลือง) กับแบบซองสีเหลือง
โห...เพียบเลย
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=4ce3819db74f76d6


กบ ยางลบ ดินสอ ไม้บรรทัด ปากกา (บิ๊ก ด้ามเหลือง) สมุดฉีก สมุดปกแข็ง-ปกอ่อน ลายไทยสีชมพู สีเขียว สีฟ้า กระดาษเขียนจดหมายรูปดอกกุหลาบ ซองจดหมาย แสตมป์ กาวลาเท็กซ์แบบหลอดสีขาวขุ่น ปากแหลม ๆ มีจุกปิด...
ที่โกนหนวด "ยิลเลต" ใบมีดโกนหนวด "ยิลเล็ต" รูปคุณตามีหนวก ห่อกระดาษสีแดง
แบบเหล็ก หมุนได้ด้วย  
http://www.google.co.th/search?hl=th&biw=1024&bih=571&tbm=isch&sa=1&q=%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%95&oq=%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%95&aq=f&aqi=&aql=&gs_sm=e&gs_upl=37485l40547l0l41281l10l9l1l0l0l1l234l1029l2.5.1l8


แฟ๊บ เปาบุ้นจิ้น สบู่ ยาสีฟัน ผ้าอนามัย ฯลฯ ครบเครื่องโชห่วย
 อ๊ะใช่เลยเคยดู "อยู่กับก๋ง" ด้วย ตอนนั้นดูไม่รู้เรื่อง(เราไม่ใช่ลูกหลานกตัญญู)
 ไม่เจอเพลง "ซื่อสัตย์ยุติธรรม เปาบุ้นจิ้นเยี่ยมไป สร้างความสะอาดสดใส สร้าง...ให้กับครอบครัว" (ไม่รู้จำผิดบ้างหรือเปล่า)

แป้งน้ำ "แฮปปี้" ขวดเล็ก ขวดใหญ่ หอมมาก (ยังจำกลิ่นได้ เคยใช้บ้างนะ)
 
http://www.google.co.th/search?q=youtube.com+%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%89&hl=th&prmd=ivns&source=lnms&tbm=isch&ei=AO8nTvy2Ion3rQe498GrCQ&sa=X&oi=mode_link&ct=mode&cd=2&ved=0CA0Q_AUoAQ&biw=1024&bih=571

มีน้ำหอมด้วย หลายกลิ่นเลย

ปลั๊ก 3 ตา (ไม่มี 4 ตา)  ปลั๊กสารพัด หลอดไฟมีไส้ แบบเขี้ยวแบบเกลียว 5 - 100 watt

หลอดไฟนีออนฟิลลิปส์ สงสัยตอนนั้นยังไม่มีโตชิบา ต้องลองหลอดไฟให้ลูกค้าด้วยอ่ะ เสียบ ๆ ถอด ๆ ไม่กลัวไฟดูดเหรอ ..ไม่รู้ ไม่กลัวหรอก ขืนกลัวก็ไม่มีสตางค์กินข้าวน่ะสิ

มีไต้จุดไฟ แบบห่อด้วยอะไรอ่ะ เหมือนเปลือกไม้สีน้ำตาล มัดด้วยตอก หัวท้าย ขี้ไต้ ใส่ถุงพลาสติกเล็ก ๆ เป็นชิ้นตามบล็อคเขาประมาณ 1 ลบ.ซม. ขี้ไต้ใส่ในกล่องกระดาษ หลายอันเลย กล่องกระดาษสีขาว มีขอบแดง ๆ


สิ่งที่จำได้เกี่ยวกับไอป๊อป ที่รู้สึกดีมีอย่างเดียวคือ ตอนจับฉลากร้านจูเล็ก ได้เบอร์ 13 เป็นตุ๊กตาผู้หญิงใส่ชุดจีน สีม่วง (รางวัลที่ 1) เจ้าของร้านเขาไม่ให้ เขาบอกไม่ใช่..เราก็มาบอกเขา...ไอป๊อปก็เลยเอาก้อนหินหรืออะไรสักอย่างไปเฝี้ยงหลังคาบ้าน ร้านจูเล็ก ทางด้านหลัง (แก้แค้นให้น้องมั้ง) นอกนั้นจำไม่ได้
อีกอย่างก็คือ ตอนไปเรียนพิเศษ จบป.6 เขาเคยเดินพาเข้าซอยที่จะออกถนนศรีนครินทร์ (ปัจุจะบัน) เมื่อก่อนเป็นคลองเล็กๆมีสะพานไม้ ข้าม เดินลัดเลาะไปออกข้างสุสานฝรั่งบนนถนนสีลม
ไม่รู้ทะเลาะกับไอป๊อปเรื่องอะไร เราต้องออกไปเดินจากแบงค์กรุงเทพถึงโรงเรียนที่เรียนพิเศษ เดินไปคนเดียว เราก็เก่งเนอะ เขาให้เราเดินไปคนเดียวได้...ส่วนไอป๊อปก็พาป้อมไปส่งที่โรงเรียนคนเดียว